วันจันทร์ ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ศูนย์เครือข่ายศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรของชุมชน พบกับ นายมิตร เอียดนุ่น อายุ 62 ปี เกษตรกรผู้มากประสบการณ์ ที่ใช้พื้นที่เพียง ครึ่งงานเศษ ในการปลูกพืชผักนานาชนิดเลี้ยงครอบครัวมาแล้วกว่า 10 ปี
นายมิตร เอียดนุ่น อายุ 62 ปี เกษตรกรผู้มีประสบการณ์กว่า 10 ปี เปิดเผยว่า ตนทำการเกษตรมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว ส่วนใหญ่จะปลูกพืชผักหลากหลายชนิดตามฤดูกาล โดยหากเป็นช่วงฤดูแล้งก็มักจะปลูกผักยืนต้น เนื่องจากแม้น้ำจะมีน้อย แต่โอกาสที่จะได้ผลผลิตถึง 80–90% ก็ยังมีสูง ขณะที่ในฤดูฝนแม้จะมีน้ำมาก แต่กลับปลูกได้เพียงประมาณ 60% เท่านั้น เพราะสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย โดยเฉพาะในปีนี้ที่ฝนตกหนัก ทำให้ผลผลิตได้รับความเสียหาย เช่น แตงกวาและถั่วฝักยาว ที่มักประสบปัญหารากไม่งอกเมื่อเจอฝนหนัก
ในแปลงปลูกของตน จะมีผักหลากชนิด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว บวบ ฟักเขียว ผักบุ้ง และผักกาด โดยในช่วงนี้กำลังปลูก "ผักบุ้งแก้ว" ซึ่งใช้ระยะเวลาเพียง 23 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวและจำหน่ายได้แล้ว ปัจจุบันขายอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 25 บาท แต่อย่างไรก็ตาม ราคามีความผันผวนตลอด โดยมีพ่อค้าเข้ามารับซื้อถึงสวน ขณะเดียวกันตนก็ได้นำผลผลิตบางส่วนไปส่งขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าด้วยตนเอง ทำให้ยังพอมีตลาดรองรับอยู่เสมอ
สำหรับช่วงเทศกาลกินเจที่กำลังจะมาถึง นายมิตรกล่าวว่า ตลาดผักในจังหวัดตรังมักได้รับผลกระทบจากราคาผักของจังหวัดใกล้เคียง เช่น นครศรีธรรมราช และพัทลุง หากพื้นที่เหล่านั้นมีการปลูกมาก ราคาผักก็จะถูกลง และมักส่งผักมาจำหน่ายในจังหวัดตรัง ส่งผลให้ราคาผักในพื้นที่ลดลงเช่นกัน เรียกได้ว่า "ผักนอกมาตีตลาดในบ้านเรา และผักบ้านเราเข้าไปตีตลาดบ้านคนอื่น" ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม ในช่วงกินเจนี้ นายมิตรคาดว่า ผักบางชนิด เช่น ผักกาด ผักกวางตุ้ง และผักคะน้า จะมีราคาดีขึ้น และเป็นผลดีต่อเกษตรกร
เมื่อถามถึงรายได้ นายมิตรระบุว่า รายได้จากการทำเกษตรถือว่าเป็นรายได้เสริมที่เพียงพอในการดูแลครอบครัว แต่ก็ต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่คือ สภาพอากาศที่แปรปรวน ซึ่งควบคุมไม่ได้ โดยปัจจุบันตนมีแปลงผักจำนวน 12 ร่อง บนพื้นที่ประมาณครึ่งงานเศษ รายได้ในแต่ละเดือนอยู่ที่ประมาณ 5,000 - 10,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิตและราคาที่จำหน่ายได้ในแต่ละรอบ โดยนอกจากผัก ตนยังปลูกพืชผลอื่น ๆ เช่น มะพร้าว เพื่อเป็นรายได้เสริม แต่ก็ยอมรับว่าผลผลิตทางการเกษตรในภาพรวมขณะนี้ตกต่ำอย่างมาก
นายมิตร ยังฝากถึงรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า อยากให้รับฟังและเข้าใจความเดือดร้อนของเกษตรกร โดยเฉพาะในภาคใต้ แม้จะมีทรัพยากรที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากภาวะน้ำท่วมและฝนที่ตกไม่เป็นฤดู อย่างไรก็ตาม ภาคอื่น เช่น ภาคเหนือและภาคอีสาน ยังมีความเดือดร้อนมากกว่า เนื่องจากหากเกิดน้ำท่วมหรือแล้ง มักกินเวลานานนับเดือน ต่างจากภาคใต้ที่สถานการณ์เหล่านี้มักเกิดในระยะสั้นเพียงไม่กี่วัน ทั้งนี้ หากรัฐบาลสามารถช่วยพยุงราคาผักให้สูงขึ้นได้ ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเกษตรกรในทุกพื้นที่.
ทรงวุฒิ นาคพล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี