รัฐบาลอนุทิน: เปิดชายแดน เปิดโอกาส เปิดหัวใจ'เมื่อมนุษยธรรมกับเศรษฐกิจเดินไปด้วยกันได้จริง'

รัฐบาลอนุทิน: เปิดชายแดน เปิดโอกาส เปิดหัวใจ'เมื่อมนุษยธรรมกับเศรษฐกิจเดินไปด้วยกันได้จริง'

วันพฤหัสบดี ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 20.19 น.

รัฐบาลอนุทิน: เปิดชายแดน เปิดโอกาส เปิดหัวใจ'เมื่อมนุษยธรรมกับเศรษฐกิจเดินไปด้วยกันได้จริง'

โดย ผศ.ดร.นพดล กรรณิกาผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพล สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ


ในยุคที่ภูมิรัฐศาสตร์โลกปั่นป่วน พรมแดนไม่ใช่ “เส้นแบ่งประเทศ” อีกต่อไป แต่คือ “พื้นที่ของความร่วมมือและความเป็นมนุษย์” หลังรั้วลวดหนาม ยังมีชีวิต ยังมีความหวัง และยังมีแรงงานที่พร้อมสร้างเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้า รัฐบาลอนุทิน กล้าตัดสินใจบนความสมดุล “เปิดโอกาสให้ผู้ลี้ภัยสงครามจากเมียนมา” ที่อยู่ในค่ายพักพิงชั่วคราว ออกมาทำงานได้อย่างถูกกฎหมาย นี่ไม่ใช่แค่เรื่องแรงงาน แต่มันคือ “เรื่องของหัวใจและอนาคตประเทศ”

ทำไมเรื่องนี้สำคัญ

  1. ไทยมีแรงงานต่างด้าวกว่า 3 ล้านคน จากเมียนมา ลาว กัมพูชา
  2. คิดเป็น 10–12% ของแรงงานทั้งประเทศ
  3. ถ้าขาดแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเพียง 3–5% GDP ไทยอาจตกได้เลย
  4. ขณะเดียวกัน ผู้ลี้ภัยกว่า 86,000 คน ส่วนใหญ่จากเมียนมา มีทั้งคนที่มีฝีมือและพร้อมทำงาน

ดังนั้น การ “เปิดประตูแรงงานผู้ลี้ภัย” คือการ ป้องกันเศรษฐกิจชะงัก และสร้างความมั่นคงแบบใหม่ — มั่นคงเพราะมีงานมั่นคง เพราะมีอนาคต

การตัดสินใจที่ใช้ “ข้อมูล + หัวใจ + เศรษฐกิจ”

นี่คือโมเดลการบริหารแบบใหม่ที่ผสานสามสิ่งเข้าด้วยกัน ใช้ข้อมูลนำ หัวใจขับ และเศรษฐกิจตาม (Evidence – Humanity – Economy) รัฐบาลภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล กำลังพิสูจน์ว่า “มนุษยธรรมกับเศรษฐกิจอยู่ร่วมกันได้จริง” ถ้ามีผู้นำที่กล้าคิด กล้าทำ และรับผิดชอบต่ออนาคตของคนทั้งประเทศ

ผลดีมีรอบด้าน

  1. ด้านความมั่นคง ลดแรงกดดันในพื้นที่ชายแดน ทำให้ดูแลผู้ลี้ภัยได้อย่างมีระบบ ตรวจสอบได้
  2. ด้านเศรษฐกิจ แรงงานในระบบกฎหมายช่วยเพิ่มผลผลิต ลดแรงจูงใจในการจ้างผิดกฎหมาย เพิ่มรายได้ให้ประกันสังคมและภาษี
  3. ด้านมนุษยธรรม สร้างภาพลักษณ์ที่โลกยอมรับว่า “ประเทศไทยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

ประเทศไทยของเราจึงน่าจะได้รับการขับเคลื่อนด้วย “ข้อมูล – โอกาส – หัวใจของคนทำงาน” เพราะความมั่นคงของชาติ ไม่ได้เริ่มจาก “รั้วที่สูงขึ้น” แต่เริ่มจาก “หัวใจที่เปิดกว้างขึ้น”

นี่คือภาวะผู้นำแห่งยุคใหม่ รัฐบาลอนุทินไม่ได้แค่บริหารแรงงานแต่กำลัง “สร้างแบบอย่างของภาวะผู้นำเชิงคุณค่า (Value-based Leadership)” ผู้นำที่เห็น “คน” ก่อนตัวเลข เห็น “โอกาส” ก่อนข้อจำกัด และกล้า “สร้างสมดุลระหว่างรัฐกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์”

ผลเสีย / ความท้าทายที่ต้องบริหารจัดการ (Risks & Challenges)

  1. ด้านกฎหมายและการควบคุม (Regulatory Risks) ที่อาจเกิด ช่องโหว่ทางกฎหมาย หากขั้นตอนอนุญาตทำงานไม่ชัดเจน หรือมีการแอบอ้างสิทธิ์เป็นผู้ลี้ภัยเพื่อเข้ามาทำงาน และต้องพัฒนากลไกคัดกรองและพิสูจน์ตัวตน (Identity Verification) ให้รัดกุม เพื่อป้องกันปัญหาความมั่นคงภายใน
  2. ด้านเศรษฐกิจและสังคม (Socioeconomic Concerns) ที่อาจเกิดความกังวลในกลุ่มแรงงานไทยระดับล่าง ว่าแรงงานผู้ลี้ภัยจะ แย่งงานหรือกดค่าจ้าง หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี อาจเกิดความไม่สมดุลในตลาดแรงงาน เช่น การเลือกจ้างแรงงานราคาถูกแทนคนไทย และต้องเพิ่มการสื่อสารสาธารณะและพัฒนาทักษะคนไทยให้แข่งขันได้ในตลาดแรงงานที่เปลี่ยนไป
  3. ด้านสาธารณสุข (Public Health) ผู้ลี้ภัยบางส่วนมาจากพื้นที่ขาดระบบสาธารณสุขพื้นฐาน อาจต้องมีมาตรการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพที่เข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคและภาระค่าใช้จ่ายในการตรวจและดูแลสุขภาพอาจเพิ่มขึ้นในระยะสั้น
  4. ด้านวัฒนธรรมและชุมชน (Social Integration) ที่การอยู่ร่วมกันระหว่างคนในพื้นที่กับแรงงานผู้ลี้ภัยอาจเกิดความตึงเครียด หากขาดการสื่อสารและความเข้าใจร่วม จึงน่าจะต้องมีโครงการ “สร้างการยอมรับในชุมชน” (Community Acceptance) เพื่อป้องกันการแบ่งแยกทางสังคม
  5. ด้านความมั่นคงระยะยาว (Long-term Security) หากสถานการณ์ในประเทศต้นทาง (เมียนมา) ยังไม่สงบ อาจมีแรงงานและผู้ลี้ภัยหลั่งไหลเข้ามาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องมีแผนรองรับในระยะยาว เช่น การกำหนดโควตาแรงงาน หรือการพัฒนาพื้นที่ชายแดนให้เป็น “เขตเศรษฐกิจร่วม”

สรุปเชิงนโยบาย (Policy Reflection)

นโยบายนี้ของรัฐบาลอนุทินถือเป็น “ก้าวแรกของเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยมนุษย์ (Human-Centered Economy)” แต่ต้องเดินคู่ไปกับระบบคัดกรองที่โปร่งใส มาตรฐานแรงงานที่เป็นธรรม และแผนสื่อสารสาธารณะที่สร้างความเข้าใจในสังคมไทย เพราะ “หัวใจที่เปิดกว้าง” ต้องเดินคู่กับ “ระบบที่เข้มแข็ง”
เพื่อให้ประเทศไทยได้ทั้ง เศรษฐกิจที่มั่นคง และมนุษยธรรมที่ยั่งยืน

นี่คือจุดเริ่มต้นของ “นโยบายแรงงานสมดุล” ระบบแรงงานที่เปิดกว้าง โปร่งใส และให้คุณค่ากับทุกชีวิต
เศรษฐกิจที่มั่นคง ไม่ได้เกิดจากการปิดกั้นคน แต่มาจาก “การเปิดโอกาสให้ทุกคนมีคุณค่าในสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด”

เพราะในที่สุด...หัวใจที่เปิดกว้างกว่า “ชายแดน” คือกำแพงที่แข็งแรงที่สุดของประเทศนี้.........ประเทศไทย

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top