เกาะพะงันล้างบาง! ตำรวจท่องเที่ยวรวบ 'เอเย่นต์พม่า' ค้ายาบ้าให้ชาวต่างชาติ-แรงงาน สารภาพซื้อจากคนไทยในราคา 35 บ. ขายต่อ 100 บ.

วันที่ 10 ตุลาคม 2568 จากการสืบทราบของ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) ที่ได้รับเรื่องร้องเรียนว่า มีกลุ่มวัยรุ่นชาวเมียนมาร์ขับรถเข้าออกหมู่บ้านจำนวนมากในพื้นที่ ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.วินิจ บุญชิต สารวัตรตำรวจท่องเที่ยว 5 กองกำกับการ 2 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวและตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เข้าทำการตรวจสอบ

หลังเข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย โดยรายแรกคือ นายไท อายุ 33 ปี สัญชาติเมียนมาร์ ถูกจับกุมพร้อมยาบ้า 1 เม็ด ที่ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านขวา โดย นายไท สารภาพว่ายาบ้าเป็นของตนเองและซื้อมาจาก นายอาว อายุ 26 ปี สัญชาติเมียนมาร์ ในราคาเม็ดละ 100 บาท

ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นายอาว เอเย่นต์รายนี้ ได้ภายในบ้านพัก พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 77 เม็ด ที่ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายสีดำ โดยรับสารภาพว่าได้ขายยาบ้าให้นายไท จริงและยอมรับว่าได้ซื้อยาบ้ามาจาก ‘พี่คนไทย’ โดยไม่ทราบชื่อสกุลจริง ในราคาต้นทุน เม็ดละ 35 บาท เพื่อนำมาจำหน่ายต่อให้กับลูกค้าชาวเมียนมาร์ในพื้นที่ในราคาเม็ดละ 100 บาท นอกจากนี้การตรวจสอบยังพบว่า นายอาว มีการกระทำความผิดฐานเป็นบุคคลต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (อยู่เกินกำหนด 238 วัน)

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากการขยายผลการจับกุมกลุ่มชาวเมียนมาร์ที่มั่วสุมเสพยา 5 ราย เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 68 ซึ่งตำรวจได้วางแผนล่อซื้อยาบ้าจาก นายอาว แล้วครั้งหนึ่ง แต่นายอาว ไหวตัวทันและหลบหนีเข้าป่าละเมาะไปได้ พร้อมพูดทิ้งท้ายว่ารู้ว่าเป็นตำรวจ

พ.ต.ท.วินิจ บุญชิต สารวัตรตำรวจท่องเที่ยว จึงได้เรียกประชุมชุดสืบสวนและวางแผนใหม่ โดยการส่ง สายลับหญิงชาวเมียนมาร์หน้าตาสวยเข้าไปตีสนิทจน นายอาว ไว้ใจและนำไปสู่การจับกุมพร้อมลูกสมุนในที่สุด

เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อ นายไท ในข้อหา ‘มียาเสพติดและเสพยาเสพติด’ ส่วน นายอาว ถูกแจ้งข้อหาหนักในข้อหา ‘จำหน่ายซึ่งยาเสพติดประเภท 1 เพื่อการค้า, เสพยาเสพติด และเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด’ ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. ได้กำชับหัวหน้าสถานีตำรวจท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวนำร่องให้เร่งกวาดล้างการกระทำผิดของกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาแฝงตัวก่ออาชญากรรมทุกรูปแบบอย่างเด็ดขาด เพื่อทำลายวงจรยาเสพติดที่ทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยว สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวอย่างจริงจัง

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะขยายผลต่อถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและตรวจสอบเส้นทางการเงิน เนื่องจากพบว่า นายอาว มีเงินหมุนเวียนในบัญชี เดือนละหลายแสนบาทจากการโอนสั่งซื้อยา เพื่อตัดวงจรเครือข่ายคนไทยที่อยู่เบื้องหลังให้หมดสิ้นไป ///-026