กองทัพจัดชุดคฝ.คุมเข้ม‘หนองจาน-หนองหญ้าแก้ว’ ลุยเก็บกู้ทุ่นระเบิด

กองทัพจัดชุดคฝ.คุมเข้ม‘หนองจาน-หนองหญ้าแก้ว’ ลุยเก็บกู้ทุ่นระเบิด

วันเสาร์ ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

กองทัพจัดชุดคฝ.คุมเข้ม‘หนองจาน-หนองหญ้าแก้ว’

ลุยเก็บกู้ทุ่นระเบิด

ปูพรมพื้นที่3.8หมื่นตร.ม.

ยันเขตอธิปไตยปท.ไทย

สระแก้วคุมเข้มชายแดน

สมช.ย้ำจุดยืน4เงื่อนไข

 

“นายกฯ” นั่งหัวโต๊ะถก “สมช.” พิจารณาทบ.เสนอแผน ผลักดันเขมรพ้น “หนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” โยนเลขาฯสมช.แถลงผลประชุม บอกเรื่องลับสุดยอด พูดไม่ได้ ยันไทยเตรียมพร้อมทุกอย่าง “เลขาฯสมช.” เผยที่ประชุมย้ำจุดยืน 4 ข้อ ให้หน่วยงานปฏิบัติ ส่วนการขอคืนพื้นที่บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว ทหารมีขั้นตอนปฎิบัติแล้ว ขณะที่ทัพภาค 1 อัพเดทสถานการณ์ชายแดนสระแก้ว กกล.บูรพา เมินเขมรไม่ร่วมมือ เร่งปูพรหมเก็บกู้วัตถุระเบิด “บ้านหนองหญ้าแก้ว” รวม 38,256 ตร.ม. ยันดำเนินการในพื้นที่อธิปไตยไทย ไม่ใช่พื้นที่อ้างสิทธิ์ จัดชุด คฝ.1กองร้อย ดูแลความปลอดภัยคุมบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว แจ้งขั้นตอนปฏิบัติพื้นที่ถูกชาวกัมพูชารุกล้ำอธิปไตย ต่อ IOT ตามกฎหมายสากล ขณะที่รมช. กลาโหม เช็คความพร้อมแผนเคลียร์ “หนองจาน- หนองหญ้าแก้ว” เผยกำลังทุกภาคส่วนจับมือทหาร พร้อมตามกรอบอัยการศึก ยอมรับอึดอัด ลั่นหากข้อตกลง2 กลไกทวิภาคีไร้ผล ขอสงวนสิทธิ์ปกป้องอธิปไตย ยัน รัฐบาล-กองทัพ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน


วันที่ 10 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 13/2568 มีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เข้าร่วมประชุม

นายกฯนำถกสมช.ฟังแผนรับมือหนองจาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมวันนี้ จะมีติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในภาพรวม รวมทั้งแผนบริหารจัดการสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว ที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว หลังที่ประชุม สมช.ครั้งที่ผ่านมามอบหมายให้กองทัพไทยไปดูเรื่องกฎหมายในการดำเนินการ จนเป็นที่มาของผบ.เหล่าทัพมีมติเห็นชอบให้ใช้กฎอัยการศึก ควบคู่กับกฎหมายกฎหมายปกติ แต่มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ไปจัดทำแผนให้สอดคล้องกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักสิทธิมนุษยชน และนำมาเสนอ สมช.อนุมัติวันนี้

โยนเสขาฯสมช.แถลง-ยันไทยพร้อมทุกอย่าง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยกล่าวหลังประชุม สมช.ว่า วันนี้เป็นเรื่องความมั่นคง พูดถึงเรื่องบ้านเมืองของเรา ขอให้เลขาฯ สมช.เป็นผู้แถลงดีกว่า ส่วนการลงพื้นที่บ้านหนองจานบ้านหนองหญ้าแก้วนั้น ตนจะลงในเวลาที่เหมาะสม ยืนยันเราพร้อมทุกอย่าง

ผู้สื่อข่าวถามถึงแผนที่กองทัพบก เสนอเรื่องบ้านหนองจานรับได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตอบไม่ได้ เรื่องอะไรที่เป็นความลับสุดยอด เราต้องให้ความสำคัญ ถามย้ำว่าแผนที่เสนอมา น่าพอใจใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า มีความพร้อมครับ

สมช.ติดตามปมชายแดน-ย้ำ4ข้อตกลง

ด้านนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ผลประชุม สมช.ว่า การประชุมติดตามสถานการณ์ชายแดนไทยเขมร โดยย้ำจุดยืนเดิม 4 ข้อ ที่นายกฯแถลงไว้คือ เขมรต้องถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่, ต้องเก็บกู้กับระเบิด, ต้องร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมแก๊งสแกมเมอร์, และความร่วมมือบริหารชายแดนที่มีปัญหา วันนี้เป็นการติดตามสถานการณ์ในภาครวม

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้พูดคุยเกี่ยวกับการจัดการพื้นที่บ้านหนองจาน ที่กองทัพบอกเสนอแผนมาหรือไม่ นายฉัตรชัย กล่าวว่า วันนี้เพียงติดตามสถานการณ์เน้นจุดยืนเดิม 4 ข้อ ให้ทุกหน่วยงานไปปฏิบัติในจุดยืนนี้ ส่วนการขอคืนพื้นที่นั้น ทหารดำเนินการตามขั้นตอนที่วางไว้ ไม่ได้ลงลึกรายละเอียด ส่วนข้อเสนอของประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ขอเป็นตัวกลางลงนามสัญญาสันติภาพไทย-เขมร สมช.ยังไม่คุยเรื่องนี้

กองทัพพร้อมหากเกิดปะทะระลอก2

โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี พลอากาศเอก เสกสรร คันธา ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่อาจเกิดสู้รบระลอกสองว่า ตนมอบนโยบายในภาพรวมว่ากองทัพต้องเตรียมพร้อม หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ที่เราจำเป็นต้องใช้มาตรการตอบโต้ ซึ่งกองทัพมีหน้าที่ปฏิบัติ ตามข้อสั่งการและตนยืนยันว่ากองทัพพร้อมเสมอ

เมื่อถามว่าในที่ประชุมคณะผู้บัญชาการทางทหาร ได้หารือสถานการณ์พื้นที่บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้วหรือไม่ พลอากาศเอกเสกสรรเผยว่า ไม่มีในเรื่องแผน แต่คุยภาพรวม ซึ่งในส่วนรายละเอียดเป็นเรื่องของหน่วยที่รับผิดชอบ

เขมรตอบกลับขอไทยยุติเก็บกู้ทุ่นระเบิด

วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จากกรณีกองกำลังบูรพาส่งจดหมายถึงผู้บัญชาการกองพลน้อยทหารราบที่ 51 ของกัมพูชา เรื่องการเข้าเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว วันที่ 10 ตุลาคม 2568 นั้น เวลา 22.25 น. วันที่ 9 ตุลาคม กองพลทหารราบที่ 51 แห่งกองทัพบกกัมพูชาออกจดหมายตอบกลับ โดยร้องขอให้ฝ่ายไทยยุติปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดดังกล่าว

กองพลทหารราบที่ 51 ระบุ ขอให้ไทยยุติปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดตามแผนในพื้นที่บ้านโจกเจย (กัมพูชา) ตรงข้ามพื้นที่บ้านหนองจาน (ประเทศไทย) และที่ตั้งบ้านเปรยจัน (กัมพูชา) ตรงข้ามพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (ประเทศไทย) โดยอธิบายว่า การดำเนินการดังกล่าวขัดเจตนารมณ์การประชุมพิเศษครั้งแรกของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองต่อประกาศที่ออกโดยหน่วยเฉพาะกิจบูรพาของไทยเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม กองพลทหารราบที่ 51 ได้อ้างอิงข้อ 6 ในบันทึกการประชุมพิเศษครั้งแรกของ GBC โดยระบุว่าปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทยจะดำเนินการเป็นขั้นตอนดังนี้

ชี้ขัดเจตนารมณ์ประชุมพิเศษจีบีซี

1. เขมรและไทยจะจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจประสานงานร่วม (JCTF) ซึ่งคณะทำงานนี้ประกาศเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 2.หลังจัดตั้งคณะทำงาน JCTF แล้ว ทั้งสองฝ่ายจะหารือและจัดทำขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐาน (SOP) จนถึงปัจจุบัน SOP ได้แลกเปลี่ยนและปรับปรุงแล้วสองครั้ง ในเช้าวันที่ 9 ตุลาคม คณะทำงาน JCTF จัดประชุมครั้งที่สองผ่าน VTC เพื่อหารือและปรับปรุง SOP เพื่อให้บรรลุผลเชิงบวกเป็นที่ประจักษ์และเป็นประโยชน์ ทั้งสองฝ่ายจะหารือประเด็นที่เหลือต่อไปเพื่อสรุป SOP ให้สมบูรณ์ 3.หลัง SOP มีผลบังคับใช้ JCTF จะยังหารือเพื่อให้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการระบุพื้นที่สำคัญ และพื้นที่นำร่องสำหรับการกำจัดทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม

กองพลทหารราบที่ 51 เน้นย้ำในแถลงการณ์ว่า ประกาศปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่หมู่บ้านโจกเจย (กัมพูชา) ตรงข้ามหมู่บ้านหนองจาน (ประเทศไทย) และพื้นที่หมู่บ้านเปรยจัน (กัมพูชา) ตรงข้ามกับพื้นที่หมู่บ้านหนองหญ้าแก้ว (ประเทศไทย) ในวันที่ 10 ตุลาคม โดยกองกำลังบูรพา ขัดต่อเจตนารมณ์ที่ตกลงกันไว้ในการประชุมพิเศษ GBC ครั้งที่ 1

เมินเขมรกกล.บูรพาลุยกู้ระเบิดที่หนองหญ้าแก้ว

ดังนั้น กองพลทหารราบที่ 51 จึงขอให้หน่วยปฏิบัติการบูรพาระงับกิจกรรมที่วางแผนไว้ในประกาศ โดยให้เคารพเจตนารมณ์ของข้อตกลงที่บรรลุในการประชุมพิเศษ GBC ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 68 และรอการตัดสินใจจากผู้มีอำนาจสูงกว่า และตามขั้นตอนที่กำหนดในระเบียบปฏิบัติ(SOP) ของ JCTF กองพลทหารราบที่ 51 หวังว่าหน่วยปฏิบัติการบูรพาจะตอบสนองความร่วมมืออย่างดี

ด้าน พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กล่าวว่า การเข้าเก็บกู้ทุ่นระเบิดวันนี้ ในพื้นที่บ้านหนองจาน และหนองหญ้าแก้ว ยังดำเนินต่อไปตามข้อตกลงจากที่ประชุม GBC และเป็นการเข้าเก็บในพื้นที่ของไทย ขณะที่กัมพูชา ยังไม่ทำตามข้อตกลง

วันเดียวกัน มีข้อมูลจากกองทัพบกระบุ กองกำลังบูรพาเก็บกู้ทุ่นระเบิด พร้อมทั้งเข้าควบคุม และ รักษาความปลอดภัย พื้นที่ บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว รวม 38,256 ตารางเมตรแล้ว

สระแก้วตรึงกำลังทหาร-ตร.-อส.เข้ม

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรบริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ทหาร ตำรวจ อาสารักษาดินแดน (อส.)และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) รวมตัวประจำจุดรอบหมู่บ้าน เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่นเดียวกับสื่อมวลชนจากหลายสำนักปักหลักทำข่าวต่อเนื่อง โดยมีประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมาเฝ้าติดตามสถานการณ์ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่จัดกำลังและเตรียมความพร้อมกำลังทหารและตำรวจ วางกำลังตามแนวทางเข้า-ออก ของหมู่บ้านและพื้นที่โดยรอบ ตรวจสังเกตการณ์ต่อเนื่อง ทั้งนี้ หน่วยงานความมั่นคงยังยึดมาตรการเตรียมพร้อมเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยเข้ม เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างเป็นระบบ ลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่

พร้อม!ตู้คอนเทนเนอร์60ตู้ถึงหนองจาน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขบวนตู้คอนเทนเนอร์ 60 ตู้ของมูลนิธิ “กัน จอมพลัง” เดินทางถึงพื้นที่ชายแดนบ้านหนองจาน จ.สระแก้วเรียบร้อยแล้ว เพื่อนำไปใช้สร้างกำแพงชายแดนไทยเขมร ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมงาน กัน จอมพลัง ได้ทดสอบความแข็งแกร่งของตู้ โดยการทุบ เจีย และเป่าไฟ ซึ่งการทุบนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อตู้คอนเทนเนอร์แต่อย่างใด

คนไทยรวมตัวบ้านหนองจานเหตุการณ์ปกติ

เวลา 15.00 น.กองทัพภาคที่ 1 โดยศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ประจำวันที่ 10 ตุลาคม 2568 ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้วว่า ที่บ้านหนองจาน ฝ่ายไทยมีมวลชนกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า รวมทั้งสื่อมวลชนประมาณ 200 คน รวมตัวแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ปกป้องอธิปไตยไทย ในพื้นที่ฝั่งตรงข้ามเขมรนำมวลชนเข้ามาสมทบในพื้นที่ การปฏิบัติการสำคัญ หน่วยจัดกำลังระวังป้องกันในพื้นที่ตอนใน พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ฝ่ายไทยมีมวลชนจำนวนหนึ่งในพื้นที่ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวสำคัญ ในพื้นที่ฝั่งตรงข้าม ฝ่ายกัมพูชาพบความเคลื่อนไหวประชาชนและมวลชน ผู้สื่อข่าว ประมาณ 100 คน บริเวณรั้วลวดหนามและกระจายรอบหมู่บ้านเปรยจัน มีทหาร ตำรวจและส่วนราชการอำนวยความสะดวกจัดระเบียบ สถานการณ์ทั่วไปปกติ

ทภ.1เมินเขมรส่งรถถากหุ้มเกราะกู้ระเบิด

การปฏิบัติการสำคัญ หน่วยจัดกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชน (คฝ.) 1 กองร้อย เข้าควบคุมและรักษาความปลอดภัยพื้นที่ จัดชุดตรวจค้นวัตถุระเบิด 4 ชุด พร้อมอุปกรณ์ตรวจค้น รถถากถางหุ้มเกราะ D5 เข้าตรวจสอบค้นหาวัตถุระเบิด ที่คาดว่าตกค้างในพื้นที่ปฏิบัติการฝ่ายไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว โดยจะได้พื้นที่ปลอดภัย 38,256 ตารางเมตร

แจงIOTขั้นตอนจัดการพื้นที่เขมรล้ำ

นอกจากนี้ คณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) ประจำราชอาณาจักรไทย เดินทางมาสังเกตการณ์ความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ตามแนวชายแดนจ.สระแก้ว รับทราบสถานการณ์ตามข้อเท็จจริง โดย กองทัพภาคที่ 1 ชี้แจงให้คณะ IOT รับทราบถึงขั้นตอนจัดการพื้นที่ ที่ชาวกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในอธิปไตยของไทย เป็นไปตามมาตรการบังคับใช้กฎหมาย ภายใต้กรอบกฎหมายไทยและหลักสากล

ต่อกรณีฝ่ายเขมร โดยกองพลทหารราบที่ 51 แจ้งฝ่ายไทยระงับการเก็บกู้ระเบิดในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อ้างละเมิดของตกลง GBC นั้น กองทัพภาคที่ 1 ขอยืนยันว่าฝ่ายไทยดำเนินการดังกล่าว ในพื้นที่อธิปไตยของไทยไม่ใช่พื้นที่อ้างสิทธิ์

จัดคฝ.1กองร้อยตรึงชายแดน

กองทัพภาคที่ 1 โดยกกล.บูรพา กองร้อยควบคุมฝูงชน (คฝ.) และฝ่ายปกครอง ยังคงตรึงกำลังดูแลความเรียบร้อยของทั้ง 2 พื้นที่ สถานการณ์ภาพรวมยังไม่มีเหตุการณ์ใช้กำลังเข้าระงับเหตุ กองทัพภาคที่ 1 ยืนยันจะดำเนินการเด็ดขาดในห้วงวันเวลาที่ได้เปรียบ ทั้งนี้ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 ประจำในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว เพื่อติดตามการปฏิบัติของหน่วยและการรับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด

‘บิ๊กดุลย์’ยันกำลังพลพร้อมรักษาแผ่นดิน

วันเดียวกัน ที่ร.12 พัน.3 รอ.ค่ายสุรสิงหนาท อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พลโทอดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหมให้สัมภาษณ์ว่า ตนเดินทางมาดูความพร้อมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ รวมถึงแผนปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักสากล พบว่าพร้อมทั้งหมด ส่วนกรณีเขมรนำประชาชนเข้ามาในพื้นที่ฝั่งตรงข้ามบ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้วนั้น เป็นเรื่องของเขา แต่อธิปไตยของชาติเราต้องมาก่อน และขอให้ความเชื่อมั่นว่ากำลังพลของเราเพียงพอ รอเวลาที่เหมาะสม สำหรับปฎิบัติการครั้งนี้ใช้กฎอัยการศึก แต่ไม่ใช่มีแต่ทหาร มีตำรวจ ฝ่ายปกครอง อส. ป่าไม้ การปฏิบัติเป็นไปตามหลักสากล ไม่มีอะไรเกินเลย ยืนยันพร้อมปฏิบัติหน้าที่รักษาผืนแผ่นดินไทย ส่วนกรณีเขมรทำหนังสือโต้แย้งไทยในการเข้าเก็บกู้ทุ่นระเบิดนั้น ยืนยันว่าเป็นขั้นตอนกระบวนการที่ต้องดำเนินการในพื้นที่ของเรา ซึ่งการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ปฎิบัติการทางทหารเป็นเรื่องปกติที่ดำเนินการกันทั้งโลก ยืนยัน 100% ว่าดำเนินการในพื้นที่ของไทย

ยันไทยมาถูกทาง-ฉะเขมรไม่ร่วมมือ

ผู้สื่อข่าวถามว่าเขมรอ้างข้อตกลงจีบีซี ซึ่งสองฝ่ายเห็นชอบให้หาข้อสรุปในเจบีซีนั้น รมช.กลาโหม ยืนยัน เรามาแนวทางที่ถูกต้อง ใช้กลไกระดับกระทรวงกลาโหม พื้นที่และจังหวัดประสานให้ส่งแผนอพยพคน แต่กัมพูชาก็ไม่ทำ กลับไปยั่วยุบิดเบือนข้อเท็จจริง แสดงบทเหยื่อในบนเวทีโลก ส่วนแผนผลักดันตามหลักสากลจะดำเนินการวันนี้หรือไม่นั้น ยังบอกไม่ได้ อยู่ที่สถานการณ์และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ส่วนการที่ฝ่ายปกครองปักป้ายยื่นคำขาดให้กัมพูชาออกจากพื้นที่ เป็นการปรับสภาพแวดล้อมให้เกื้อกูลต่อการปฎิบัติ

รับอึดอัดถ้าเขมรยังขัดข้องสงวนสิทธิ์ป้องปท.

“ผมเข้าใจในความอึดอัดของประชาชน ผมก็อึดอัด ทหารที่แนวหน้า ผู้ว่าฯก็อึดอัด ที่ผ่านมาระดับอาร์บีซี เขาก็ไม่ตอบรับเลย จีบีซีระดับกระทรวงกลาโหม และเจบีซี ของกระทรวงต่างประเทศก็ไม่ตอบรับเลย ซึ่งทั้งสองคณะจะทำพร้อมกัน ถ้ายังขัดข้องอีก เราขอสงวนสิทธิ์ในการปกป้องอธิปไตยของชาติเรา ผมยืนยันว่า แผ่นดินไทยต้องเป็นของไทยเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ขอให้ส่งกำลังใจไปที่ทหารชายแดนให้เขามีอิสระทำงานอย่างเต็มที่ ผมเชื่อว่ารัฐบาลกองทัพและประชาชนวันนี้ เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันหมดในการปกป้องอธิปไตยตามหลักสากล”พลโทอดุลย์ ระบุ

ทบ.ชี้คลิปจริงเขมรลอบตัดรั้วลวดหนาม

พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีเฟซบุ๊กเพจ “ส่องเขมร” โพสต์คลิปพร้อมข้อความ เมื่อวันที่ 05/10/68 ทหารเขมรประจำจุดแนวรบพื้นที่ปราสาทตาควาย ลงคลิปตัดลวดหนามหีบเพลงออก แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นคลิปใหม่หรือเก่าว่า จากคลิปดังกล่าว กองทัพบกตรวจสอบข้อมูลกับ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แล้ว พบว่าแนวลวดหนามป้องกันตนเองของฝ่ายไทยถูกตัดในพื้นที่บริเวณทิศตะวันออกของ ปราสาทตาควาย ประมาณ 3 กิโลเมตร คาดว่าถูกตัดในช่วงเวลาใกล้เคียงกับการเผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าว สำหรับคลิปวิดีโอดังกล่าว ถือเป็นหลักฐานหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า ฝ่ายเขมรยังละเมิดมาตรการหยุดยิง รวมถึงข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ต่อเนื่อง สวนทางกับการที่เขมรพยายามแสดงออก หรือมีแถลงการณ์ต่อเวทีโลกที่ระบุว่าจริงใจ และต้องการหาทางออกด้วยสันติวิธี ทั้งที่เป็นฝ่ายเพิ่มความตึงเครียดและสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน

เปรยจันตึงเครียดเขมรรวมตัวนับร้อย

วันเดียวกัน มีรายงานความเคลื่อนไหวในฝั่งกัมพูชา ที่บ้านเปรยจัน ตรงข้ามบ้านหนองหญ้าแก้ว ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว มีมวลชนกัมพูชาทยอยมารวมตัวกันตั้งแต่ช่วงสายประมาณ 100 คน ซึ่งเป็นการรวมตัวในวันสุดท้าย ครบกำหนดที่จังหวัดสระแก้วระบุเขมรต้องอพยพออกจากพื้นที่เขตแดนฝั่งไทย (บริเวณบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว) ทำให้สถานการณ์ชายแดนยังตึงเครียด

รมต.กลาโหมเขมรนำIOTลงพื้นที่

พลเอก เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมเขมร โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “TEA Seiha/ទៀ សីហា”ว่า กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ร่วมกับคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพื้นที่บ้านโจ๊กเจย (บ้านหนองจาน) และบ้านเปรยจัน (บ้านหนองหญ้าแก้ว) จังหวัดบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย เพื่อสังเกตการณ์ และรายงานสถานการณ์ตามแนวชายแดน เพื่อประเมินความสงบเรียบร้อยและความคืบหน้าหลังประกาศหยุดยิง

สื่อเขมรแตกตื่นไทยขนเครื่องจักรหนักเข้าพื้นที่

สำนักข่าว ‘ขแมร์ ไทม์ส’ รายงานข่าวว่า สถานการณ์ความตึงเครียดปะทุบริเวณชายแดนเขมร-ไทยช่วงบ่ายวันนี้ หลังมีรายงานว่ากองกำลังกึ่งทหารของไทยรุกเข้าสู่ดินแดนกัมพูชาในหมู่บ้านเปรยจัน ตำบลโอเป่ยโฉน อำเภอโอชรอฟ จังหวัดบันทายมีชัย พร้อมด้วยเครื่องจักรกลหนักเพื่อเคลียร์พื้นที่ โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 12:50 น. ขณะที่ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่ในพื้นที่สังเกตเห็นกองกำลังไทยกำลังข้ามพรมแดนเข้ามาในดินแดนกัมพูชา หน่วยทหารไทยซึ่งระบุว่าเป็นสมาชิกของหน่วยปฏิบัติการกึ่งทหาร กำลังใช้รถปราบดินและเครื่องจักรกลหนักอื่น เพื่อเคลียร์พื้นที่บางส่วน สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่กองทัพกัมพูชาเคลื่อนพลเพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์บุกรุก ไม่มีรายงานการยิงปะทะหรือการเผชิญหน้าทางกายภาพใดๆ จนถึงบ่ายวันนี้ แต่ทั้งสองฝ่ายยังเฝ้าระวัง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top