แก๊สระเบิดสนั่นทาวน์เฮาส์ 3 หลังพังยับเพลิงคลอกเจ้าของร้านเสริมสวยเสียชีวิต เจ็บอีก 7 ราย

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 03.00 น. พ.ต.ต.ชัยพร อารีย์วงษ์ สว.สอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ได้รับแจ้งเหตุแก๊สระเบิดและเพลิงลุกไหม้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย ภายในซอย 2 ต.บ้านฉาง อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี จึงรีบเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลตำบลบ้านฉาง เทศบาลเมืองปทุมธานี และพื้นที่ใกล้เคียง รวม 7 คัน รวมถึงเจ้าหน้าที่สืบสวนและอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์ปลูกติดกันหลายหลัง พบว่า แสงเพลิงโหมไหม้อย่างรุนแรง บริเวณบ้านต้นเพลิงซึ่งเปิดเป็น ร้านเสริมสวย (ป้าวรรณณา) และลุกลามไปยังบ้านข้างเคียง ทำให้บ้านเสียหายทั้งหมดรวม 3 หลังคาเรือน โดยเฉพาะโครงสร้างชั้นสองและหลังคาบ้านทั้งสามหลัง ถูกแรงอัดจากการระเบิด จนพังเสียหายอย่างหนัก

จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่า บ้านต้นเพลิง คือบ้านเลขที่ 129 ซึ่งเป็นของ น.ส.เพชรกมล (สงวนนามสกุล) อายุ 63 ปี ซึ่งกำลังเตรียมทำอาหารเพื่อนำไปขายตลาด แต่ได้มีการ เปิดแก๊สทิ้งไว้ จนทำให้เกิดการระเบิดและเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ น.ส.เพชรกมล เสียชีวิต ภายในกองเพลิง

ขณะเกิดเหตุ ลูกชายของ น.ส.เพชรกมล ซึ่งพักผ่อนอยู่บนชั้นสองของบ้าน ได้พยายามหนีเอาตัวรอดด้วยการปีนออกทางหน้าต่างชั้นสองและ กระโดดลงบนหลังคารถกระบะ ที่จอดอยู่ข้างเคียง ทำให้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้รวม 7 ราย ซึ่งส่วนใหญ่อาการเจ็บหน้าอก จากแรงอัดของการระเบิด อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูได้เร่งให้ความช่วยเหลือและนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน

ใกล้จุดเกิดเหตุยังพบ รถกระบะโตโยต้า 1 คัน และ รถจักรยานยนต์ 2 คัน ได้รับความเสียหายจากซากหักพังและเศษปูนที่ถล่มลงมาทับ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลาไม่นานก็สามารถ ควบคุมเพลิงไว้ได้

นายสมควร (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี เจ้าของบ้านที่อยู่ติดกัน ให้การว่า ขณะเกิดเหตุตนเองอยู่ในบ้าน ได้ยิน เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างรุนแรง เพียงครั้งเดียว จนทำให้ฝ้าเพดานบ้านของตนเสียหายร่วงลงมาด้านล่าง โดยบ้านของตนมีลูกชายกับลูกสะใภ้อยู่ภายในบ้านขณะเกิดเหตุ ซึ่งได้รับบาดเจ็บเช่นกัน และตัวบ้านพร้อมรถยนต์ก็ได้รับความเสียหาย

พ.ต.ต.ชัยพร อารีวงษ์ สว.สอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ได้เข้าตรวจสอบและบันทึกภาพที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบปากคำพยานบุคคลในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งประสาน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เพื่อเข้าตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุของการระเบิดและเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป ขณะเดียวกันได้ให้อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูนำร่างผู้เสียชีวิตส่ง สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจนต่อไป