‘รองนายกฯธรรมนัส’ติดตามการบริหารจัดการน้ำ‘ลุ่มน้ำกก’เขื่อนเชียงราย ผลักดันแผนเพิ่มโครงการอ่างเก็บน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง
11 ตุลาคม 2568 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ และ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำกก จังหวัดเชียงราย โดยมี นายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน นายนพดล น้อยไพโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 2 นายทวีชัย โค้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย นายสิทธิพร พฤฒิพิบูลธรรม เลขานุการกรม และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ ณ เขื่อนเชียงราย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
สำหรับเขื่อนเชียงราย เดิมชื่อ ฝายเชียงราย ทำหน้าที่ยกระดับน้ำในแม่น้ำกกให้สูงขึ้น ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2536 โดยมีแม่น้ำกกเป็นแม่น้ำสายสําคัญในภาคเหนือของประเทศไทย มีความยาว 285 กิโลเมตร และมีลําน้ำสาขาที่สําคัญ ได้แก่ นํ้าฝาง น้ำแม่กรณ์ น้ำแม่ลาว และน้ำสรวย ปัจจุบันโครงการเขื่อนเชียงราย อยู่ในความรับผิดชอบของโครงการชลประทานเชียงราย สำนักงานชลประทานที่ 2 กรมชลประทาน มีปริมาณเก็บกักน้ำ 2.95 ล้านลูกบาศก์เมตร และให้ประโยชน์พื้นที่ชลประทานรวมกว่า 58,723 ไร่
รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้กรมชลประทาน เร่งจัดทำแผนก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเพิ่มเติมในพื้นที่ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเก็บกักน้ำ รองรับการใช้น้ำในฤดูแล้ง และบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝน พร้อมเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการในการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาขาในจังหวัดเชียงราย เพื่อให้คุณภาพน้ำกลับมาสู่เกณฑ์มาตรฐาน และสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างปลอดภัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี