นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ออกมาชี้แจงกรณีหนุ่มวัย 44 ปี เสียชีวิตอย่างกะทันหัน หลังเผลอดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรด ยืนยันแพทย์ รพ.สตึก ทำการรักษาถูกต้องตามหลักวิชาการ ที่ไม่ล้างท้องเพราะเกรงสารเคมีกัดกร่อนซ้ำจนเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง พร้อมรับปากเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต และเตือนประชาชนให้ระวังการใช้ภาชนะบรรจุวัตถุอันตราย

วันที่ 14 ตุลาคม 2568 นายแพทย์พิเชษฐ พืดขุนทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาชี้แจงกรณีการเสียชีวิตของ นายนัฐวุฒิ หรือสัน อายุ 44 ปีชาวบ้าน ต.หนองใหญ่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเผลอดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำที่ญาติแบ่งใส่ขวดน้ำอัดลมไว้ เพราะคิดว่าเป็นน้ำหวาน เนื่องจากมีอาการเมาค้างจากสุราที่ดื่มมาตั้งแต่กลางคืน

หลังเกิดเหตุญาติได้นำตัวนายนัฐวุฒิ ส่งรักษาที่โรงพยาบาลสตึก พร้อมนำตัวอย่างน้ำยาล้างห้องน้ำไปให้แพทย์ตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับการฉีดยาและรับยากลับบ้าน เพียง 5 ชั่วโมง ผู้ป่วยก็เกิดอาการช็อกและเสียชีวิตลงต่อหน้าญาติ แม้เจ้าหน้าที่ 1669 จะพยายามช่วยเหลือแล้วก็ตาม ทำให้ญาติตั้งข้อสงสัยถึงวิธีการรักษาของแพทย์ว่าเหตุใดจึงไม่ทำการล้างท้อง ทั้งที่มีสาเหตุและตัวอย่างสารเคมีชัดเจน

นพ.พิเชษฐ ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดจากการพลั้งเผลอดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดและมีคุณสมบัติกัดสนิมได้ แพทย์จึงมีข้อห้ามในการล้างท้องในกรณีที่มีการกลืนสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน

"การล้างท้องจะต้องใส่สายไปทางจมูกส่งไปที่กระเพาะอาหาร การทำแบบนี้จะทำให้สารเคมีซึ่งเป็นกรดเป็นด่างที่อยู่ในช่องท้อง ไหลย้อนกลับคืนมาได้อีก ซึ่งอาจจะทำให้ กิดแผลของหลอดอาหาร และอาจจะทำให้หลอดอาหารทะลุได้ นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่สารเคมีจะกระจายไปที่ปอดและทำให้ติดเชื้อ ซึ่งจะทำให้อาการรุนแรงขึ้น กรณีนี้จึงไม่สามารถล้างท้องได้" นพ.พิเชษฐกล่าว

ส่วนสาเหตุที่แพทย์ให้กลับบ้านได้นั้น นพ.พิเชษฐระบุว่า เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นในขณะนั้น โดยได้ย้ำให้ญาติดูอาการอย่างใกล้ชิดและให้รีบนำกลับมารักษาต่อหากอาการรุนแรง

อย่างไรก็ตาม นพ.พิเชษฐยืนยันว่า ในกรณีที่เกิดความสูญเสียขึ้นแล้ว ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจะดำเนินการเยียวยาและดูแลญาติผู้เสียชีวิตตามกระบวนการ

พร้อมกันนี้ได้ฝากเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้ภาชนะใส่วัตถุอันตรายอย่างเคร่งครัด โดยได้สั่งการให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน (รพ.สต.) ในพื้นที่เร่งตรวจสอบและติดตามว่าขวดน้ำยาล้างห้องน้ำที่มีการแบ่งกันไปใช้นั้นถูกจัดเก็บอย่างมิดชิดดีแล้วหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซ้อนขึ้นอีก