วันที่ 18 ตุลาคม 2568 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความ คติเตือนใจ ไม่ร้ายใส่ใคร ไม่ใช่คนอื่นจะไม่ร้ายใส่เราเหตุเกิดขณะพ่อกำลังจะส่งตัวไปรักษาด่วนที่ รพ.กระบี่ คุณหมอ พี่ๆพยาบาล เวรห้องฉุกเฉิน รพ.ปลายพระยา กำลังช่วยเหลือพ่อที่มีอาการหลอดเลือดหัวใจตีบ และมีอาการ หายใจด้วยตัวเองไม่ได้ (ใส่ท่อช่วยหายใจ) รถ refer มาจอดจุดรับส่งตัวผู้ป่วย และได้มีรถคันนี้ (ตามภาพ)มาจอดด้านหลังประชิดรถ refer (ในรูปเจ้าของรถยอมขยับรถให้แล้วก่อนหน้านี้ยืดยื้อขอร้องยกมือไหว้มีปากเสียงกัน) ซึ่งทำให้เข็นผู้ป่วยซึ่งเป็นพ่อของเฟิร์นขึ้นรถไม่ได้เนื่องจากมีรถจอดอยู่ด้านหลัง เจ้าของรถคันดังกล่าวพาแม่มาโรงพยาบาลและเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินและไปเฝ้าแม่@ ทางจนท.พูดคุยกันนานถึงแม้สุดท้ายจะยอมมาขยับรถแต่หากนึกถีงใจเขาใจเราแค่คุณมาขยับให้เร็วอีกนิดให้พ่อเฟิร์นได้เจอหมอเร็วอีกหน่อยเฟิร์นคงไม่เสียพ่อไปตลอดกาล
ต่อมา โรงพยาบาลปลายพระยา ได้ออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับเหตุการณ์ข้างต้นว่า ข้อเท็จจริงกรณีญาติผู้ป่วยนำรถจอดกีดขวางรถพยาบาลจนไม่สามารถนำผู้ป่วยขึ้นรถได้โรงพยาบาลปลายพระยาและบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน และมีภาวะการหายใจล้มเหลว เข้ารับการรักษาพยาบาลโรงพยาบาลปลายพระยา เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2568
โรงพยาบาลปลายพระยาขอชี้แจง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาผู้ป่วยดังกล่าว ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้วันที่ 16 ตุลาคม 2568
เวลา 23.10 น. ภายในห้องฉุกเฉินโซนผู้ป่วยวิกฤต เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ พนักงานเปล และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กำลังให้การช่วยเหลือและช่วยชีวิตผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันและมีภาวะการหายใจล้มเหลว ซึ่งต้องมีการใส่ท่อช่วยหายใจ หลังจากนั้นย้ายผู้ป่วย เพื่อส่งตัวไปรักษาต่อที่
โรงพยาบาลกระบี่ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแม่ช่ายที่มีศักยภาพการรักษาที่สูงกว่า
เวลา 23.15 น. รถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำตาล คันที่จอดปิดท้ายรถพยาบาล นำส่งผู้ป่วยหญิงวัย 69ปี รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง มีอาการเวียนศีรษะตาลาย ญาติเข็นผู้ป่วยหญิงรายนั้นเข้าห้องฉุกเฉินเอง และได้พบกับพยาบาลหัวหน้าเวรห้องฉุกเฉินซึ่งกำลังจัดเตรียมเอกสารและประสานการส่งต่อผู้ป่วยไป โรงพยาบาลกระบี่อยู่ และพยาบาลหัวหน้าเวรได้อธิบายให้ญาติผู้ป่วยทราบว่าขณะนี้มีคนไข้อากาการหนักกำลัง เตรียมส่งต่อไปโรงพยาบาลกระบี่ ให้รอสักครู่ และให้ญาติเข็นผู้ป่วยไปนอนบนเตียง จากนั้นพยาบาลหัวหน้า เวรก็ได้เข้าไปชักประวัติและประเมินอาการผู้ป่วยที่เตียง แต่ญาติก็ยังโวยวายเรื่องที่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาดูแลมารดาของตน
เวลา 23.16 น. ขณะเคลื่อนผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตออกจากห้องฉุกเฉินเพื่อขึ้นรถพยาบาล พบว่า มีรถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำตาล จอดกีดขวาง ปิดท้ายรถพยาบาล ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยขึ้นรถพยาบาลได้ หลังจากนั้นพยาบาลได้แจ้งให้เจ้าของรถกระบะคันดังกล่าวมาเลื่อนรถออก แต่ไม่ได้รับความร่วมมือโดยทันที เจ้าของรถกระบะคันดังกล่าวได้กล่าวเอะอะโวยวายเสียงดัง ด้วยท่าทีที่โม่โห เรืองที่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาบริการมารดาตนเอง
ขณะเดียวกันญาติของผู้ป่วยวิกฤตที่กำลังจะส่งต่อได้ร้องไห้พร้อมนั่งทรุดลงกับพื้นและยกมือไหว้ ร้องขอให้เจ้าของรถกระบะช่วยเลื่อนรถออก แต่ยังคงมีปากเสียง เอะอะโวยวายกับเจ้าหน้าที่และญาติผู้ป่วยบริเวณท้ายรถนำส่งผู้ป่วยต่อเป็นระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นถึงจะเดินไปเลื่อนรถกระบะของตนออก เจ้าหน้าที่จึงได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยขึ้นรถพยาบาลเพื่อส่งต่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาลกระบี่ได้
การกระทำของเจ้าของรถกระบะเป็นการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งต้องรีบเคลื่อนย้ายผู้ป่วยวิกฤตโดยด่วน ซึ่งสุดท้ายผู้ป่วยรายดังกล่าวได้เสียชีวิต ส่วนผู้ป่วยที่เป็นญาติของเจ้าของรถกระบะคันดังกล่าว แพทย์ได้ทำการตรวจรักษาในห้องฉุกเฉินจนอาการทุเลา และให้ยากลับไปรับประทานที่บ้านโรงพยาบาลปลายพระยาขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวต่อการจากไปของผู้ป่วย และขอยืนยันว่า ได้ให้การดูแลรักษาอย่างเต็มความสามารถ ตามมาตรฐานวิชาชีพตลอดระยะเวลาการดูและผู้ป่วยโรงพยาบาลปลายพระยา จังหวัดกระบี่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี