ปฏิบัติการไล่ล่าสุดระทึก! ตำรวจทางหลวงกาญจนบุรีพบรถยนต์ต้องสงสัย Toyota Fortuner สีดำ ไม่ติดป้ายทะเบียนหลัง ซุกซ่อน แรงงานต่างด้าว 15 คน เร่งเครื่องหนีสุดชีวิตไปตามเส้นทางกว่า 30 กิโลเมตร ก่อนจะแหกโค้งพุ่งชนเสาไฟฟ้าแรงสูง คนขับอาศัยความมืดและความชุลมุนหลบหนีไปได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่คุมตัวแรงงานทั้งหมดไว้ได้ สารภาพจ่ายค่านายหน้าหลักหมื่นเพื่อเข้าทำงานในพื้นที่ชั้นใน

เมื่อคืนนที่ 21 ตุลาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กก.2 บก.ทล. (กาญจนบุรี) นำโดย พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล. และ พ.ต.ท.โจ เสาร์ประโคน สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. ได้นำกำลังออกตรวจลาดตระเวนเพื่อป้องกันการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว

เวลาประมาณ 18.30 น. ขณะออกตรวจบริเวณหน้าหน่วยบริการตำรวจทางหลวงไทรโยค พบรถยนต์ Toyota Fortuner สีดำ ทะเบียนกาญจนบุรี (ไม่ติดป้ายท้าย) มีลักษณะบรรทุกหนักผิดปกติ ขับมาจาก อ.ทองผาภูมิ มุ่งหน้าตัวเมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นพิรุธจึงพยายามให้สัญญาณหยุดรถ แต่คนขับกลับเร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้ขับรถไล่ติดตามอย่างกระชั้นชิด และประสานไปยัง สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อขอความช่วยเหลือในการสกัดจับ รถคันดังกล่าวได้ซิ่งหนีไปตามเส้นทางต่างๆ เป็นระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร ก่อนจะเลี้ยวเข้าถนนในหมู่บ้านพุประดู่ ต.หนองบัว อ.เมืองกาญจนบุรี และเกิดเสียหลักแหกโค้ง พุ่งชนเสาไฟฟ้าแรงสูง ริมทางเข้าอย่างจังจนเสาหักโค่น

ทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ คนขับรถอาศัยความมืด เปิดประตูวิ่งหนีเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่พยายามไล่ติดตามแต่ไม่ทัน ส่วนผู้โดยสารที่อยู่ในรถพยายามหลบหนีเช่นกัน แต่เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ทั้งหมด 15 คน เป็นชาย 7 คน หญิง 8 คน เป็นชาวเมียนมาทั้งหมด รวมถึงหญิงสาวชาวลาว 1 คน

จากการสอบสวนผ่านล่ามแปล แรงงานทั้ง 15 คน สารภาพว่า เดินทางมาจากย่างกุ้งและมันดาเลย์ ประเทศเมียนมา โดยลักลอบเข้าประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดนด้าน อ.พญาตองซู และขึ้นรถคันดังกล่าวที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ เพื่อมุ่งหน้าไปตัวเมืองกาญจนบุรี โดยมีนัดหมายว่าจะมีนายหน้ามารับต่อไปทำงานในจังหวัดชั้นใน ซึ่งต้องจ่ายค่าดำเนินการให้กับนายหน้าคนละ 15,000 ถึง 25,000 บาท แต่มาถูกจับกุมตัวได้เสียก่อน

เจ้าหน้าที่ได้นำตัวแรงงานต่างด้าวทั้ง 15 คน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อดำเนินคดีในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมทั้งประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเข้าตรวจสอบความเสียหายของเสาไฟฟ้าที่ถูกชนต่อไป