วันอาทิตย์ ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
‘คนละครึ่งพลัส’แรงต่อเนื่อง
ยอดใช้จ่ายทะลุ3พันล้านบาท
โฆษกรัฐบาลชี้ “คนละครึ่งพลัส” ยอดใช้จ่ายรวมแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท คาดช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้ขยายตัวได้ดีในไตรมาสที่ 4 ของปี 2568 พร้อมเตือน อย่าฉวยโอกาสขึ้นราคา พบจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด รองโฆษกรัฐบาล ย้ำ ไม่จำกัดยอดขั้นต่ำต่อวัน ยอดที่เหลือใช้ต่อวันถัดไป
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า โครงการ“คนละครึ่ง พลัส” ได้รับการตอบรับการเข้าร่วมโครงการอย่างดีจากประชาชน ออกมาจับจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคอย่างคึกคักตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้ใช้จ่าย โดย ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2568 (เวลา 17.00 น.) มียอดใช้จ่ายรวม 3,181,265,353 บาท เป็นเงินที่ประชาชนใช้จ่าย 1,575,868,956 บาท เป็นร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้ว 728,092 ราย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงปลายปี เช่น โครงการ “คนละครึ่งพลัส” คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้ขยายตัวได้ดีในไตรมาสที่ 4 ของปี 2568 โดยกระทรวงการคลังประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ว่า “เศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 2.4 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.9 ถึง 2.9) ปรับเพิ่มจากประมาณการครั้งก่อนที่ร้อยละ 2.2 ต่อปี (ณ กรกฎาคม 2568)
ซึ่งสอดคล้องกับ แนวโน้มความเชื่อมั่นเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในทุกภาคเศรษฐกิจ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่ง พลัส และโครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเดือนกันยายน 2568 ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 50.7 จากระดับ 50.1 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากผู้บริโภคเชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้น
พร้อมเตือนผู้ประกอบการอย่าฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าเกินควร โดยกระทรวงการคลังได้ติดตามการใช้จ่ายภายในโครงการอย่างใกล้ชิด ผ่านระบบ Data Analytics เพื่อตรวจสอบรูปแบบธุรกรรมที่น่าสงสัยและผิดปกติ พร้อมกับได้ดำเนินมาตรการป้องกันร่วมกับ Food Delivery Platform เพื่อไม่ให้เกิดการเอาเปรียบผู้บริโภคหรือการทุจริต โดยหากพบการกระทำความผิดจริง จะดำเนินการคดีข้อหาฉ้อโกงอย่างถึงที่สุด
“นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล “Quick Big Win” จะทำให้ GDP ไทยในไตรมาส 4 ปีนี้ มีโอกาสขยายตัวได้ดีขึ้น โดย กค. เองได้ปรับเพิ่มประมาณการ GDP ปี 2568 อยู่ที่ 2.4% ต่อปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ Food Delivery Platform ใหญ่ๆ เข้าร่วมโครงการอย่างเต็มรูปแบบ ถือเป็นแรงเสริมสำคัญในการขับเคลื่อนการบริโภคภายในประเทศช่วงปลายปี ที่ “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” นายสิริพงศ์ กล่าว
น.ส.ลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ว่าหากประชาชนใช้สิทธิไม่ถึงวันละ 200 บาท จะถูกตัดสิทธิ์นั้น ไม่เป็นความจริง โดยรัฐบาลขอยืนยันว่า ประชาชนสามารถใช้สิทธิได้เต็มจำนวน ไม่มีกำหนดยอดขั้นต่ำต่อวัน และหากยอดใช้จ่ายในวันใดไม่ถึง 200 บาท ระบบจะทยอยยกยอดไปใช้ได้ในวันถัดไป ภายในระยะเวลาโครงการ ซึ่งเปิดให้ใช้สิทธิได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568
รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยมุ่งช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการรายย่อยในทุกพื้นที่ ประชาชนสามารถใช้สิทธิร่วมจ่าย 50% ผ่านแอป G-Wallet ได้ทั้งในร้านค้าทั่วไปและร้านบริการรายย่อย เช่น ร้านตัดผม ร้านนวดแผนไทย ร้านซักรีด ร้านอาหาร คาเฟ่ และบริการเดลิเวอรี ที่เข้าร่วมโครงการ
รองโฆษกรัฐบาล ระบุว่า ประชาชนสามารถใช้สิทธิได้อย่างต่อเนื่องภายในกำหนดเวลา โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกตัดสิทธิ์หากใช้จ่ายไม่ครบ 200 บาทต่อวัน
พร้อมขอเชิญชวนให้ประชาชนใช้สิทธิ์อย่างทั่วถึง เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนและสนับสนุนธุรกิจรายย่อยให้เข้มแข็ง เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี