วันอังคาร ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
            
								ตชด.ยึดไอซ์เกรดเอ เกือบ 500 กก. เครือข่าย”แชมป์กุดข้าวปุ้น” ผตห.ร่ำไห้ไม่ได้กลัวติดคุก แต่กลัวเมียมีผัวใหม่
หน้ากองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่236 (ตชด.236) เขตเทศบาลเมืองนครพนม พล.ต.ต.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 (ผบก.ตชด.ภาค 2) นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม (รอง ผวจ.นครพนม) พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (ผบ.นรข.) พล.ต.ต.ศักดิ์ชาย สาดมะเริง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (ผบก.ภ.จว.นครพนม) พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 (ผกก.ตชด.23) พันเอก สุภัทร ชูตินันทน์ ผู้อำนวยการส่วนอำนวยการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 24 (ผอ.นบ.ยส.24) พ.ต.ท.จิรวัฒน์ รางสาตร์ ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 236 (ผบ.ร้อย ตชด.236) พร้อมหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่
แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย พร้อมของกลางไอซ์ จำนวน 10 กระสอบ จำนวน 490 ถุง/กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 147 ล้านบาท และรถยนต์กระบะโตโยต้า แค็บ วีโก้ สีดำ ทะเบียน 1 ฒส 1610 กรุงเทพมหานคร ในข้อหาร่วมกันนำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) โดยการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในชุมชน
ทั้งนี้ เป็นการขยายผลจาก ตชด.235 อ.ธาตุพนม จ.นครพนม โดยตรวจยึดยาบ้าจำนวน 1.4 ล้านเม็ด และยาไอซ์ 300 กิโลกรัม พร้อมผู้ต้องหา 2 ราย เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 68 ตชด.ภาค 2 จับกุมผู้ต้องหา 4 ราย พร้อมยาไอซ์ 216 ถุง/กิโลกรัม โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 เคสให้การว่าได้ไปรับยาเสพติดในพื้นที่บ้านกุดข้าวปุ้น หมู่ 3 ต.ขามเฒ่า อ.เมืองนครพนม ซึ่งมีนายแชมป์เป็นเครือข่าย ชุดปฏิบัติการจึงเฝ้า ติดตามตลอดเวลา เนื่องจากนายแชมป์ตัวการใหญ่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ทุกอย่างสั่งการทางโทรศัพท์ โดยใช้ซิมของประเทศเพื่อนบ้าน
ล่าสุด วันที่ 2 พ.ย.68 ร.ต.อ.ทิวเพชร แสนโคตร หัวหน้าชุดปฏิบัติการข่าวฯ (หน.ชุด ชปข. ร้อย ตชด.236) ทางการข่าวแจ้งว่านายแชมป์เริ่มเคลื่อนไหว คาดจะมีการลำเลียงยาเสพติดข้ามแม่น้ำโขง ส่งไปยังพื้นที่ตอนในของประเทศไทย จึงประสานหน่วยงานในพื้นที่ร่วมกันวางแผนเพื่อทำการจับกุม โดยวางกำลังตามจุดต่างๆ กระทั่งเวลาประมาณตีสองเศษ วันที่ 3 พ.ย.68 พบรถยนต์ต้องสงสัยขับออกมาจากหมู่บ้านกุดข้าวปุ้น ต.ขามเฒ่า ท้ายกระบะมีห่อพลาสติกสี่เหลี่ยมสีดำคาดเป็นยาเสพติด โดยใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 (ชยางกูร) มุ่งหน้าเข้าไปในตัวเมืองนครพนม ชุดปฏิบัติการจึงขับติดตามไปห่างๆ
โดยรถกระบะต้องสงสัยได้ใช้เส้นทางหลวงชนบทสายบ้านหนองเซา-บ้านเหล่าภูมี เพื่อไปโผล่ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2033 สายหนองญาติ-นาแก และเริ่มรู้ตัวว่ามีรถติดตาม จึงเพิ่มความเร็วเพื่อจะหลบหนี โดยขับไปยัง ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม ทะลุทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 22 สายนครพนม-สกลนคร จากนั้นก็เลี้ยวเข้าถนนทางหลวงชนบทสายมหาวิทยาลัยนครพนม บ้านเนินสะอาด ต.นาราชควาย อ.เมืองนครพนม และเร่งความเร็วจนควันดำหวังหลบหนีการจับกุม เจ้าหน้าที่จึงขับรถไล่บี้อย่างกระชั้นชิด ทำให้รถกระบะต้องสงสัยเสียหลักพุ่งไปในทุ่งนาริมทางบ้านหนองบัว หมู่ 1 ต.นาราชควาย อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งเป็นรอยต่อกับ ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม คนขับและคนนั่งข้างพยายามจะวิ่งหลบหนีแต่ถูกควบคุมตัวได้ จึงนำตัวไปสอบสวนที่กองร้อย ตชด.236
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายอลงกรณ์ (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาซึ่งเป็นคนขับรถเล่าว่า ได้รับการชักชวนจากเพื่อนซึ่งต่อมาถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยให้ทำหน้าที่ขับรถลำเลียงยาเสพติด แต่ไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้านายทุนผู้ว่าจ้าง ทำมาแล้วรวม 3 ครั้ง สองครั้งแรกนายทุนจะให้ไปรออยู่ที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ก็จะมีคนขับรถที่มียาเสพติดมาส่งให้ตรงจุดนัดหมาย เพื่อให้ขับต่อไปยังพื้นที่ จ.สกลนคร โดยผู้ว่าจ้างจะสั่งการทางโทรศัพท์ ว่า ให้ไปจอดรถอยู่บริเวณไหน เมื่อส่งมอบรถที่มียาเสพติดกันเรียบร้อย ถือว่าตนทำงานสำเร็จ ก็จะได้ค่าจ้างเป็นเงินสด 1 หมื่นบาท พร้อมยาบ้าจำนวน 2 พันเม็ด ได้เงินก็ใช้เที่ยวเตร่ไม่กี่วันก็หมด ส่วนยาบ้าเก็บไว้เสพเองวันละ 10-20 เม็ด/วัน ซึ่งการทำงานแต่ละครั้ง จะมีเพื่อนร่วมทีมนั่งมาด้วยแต่จะไม่รู้จักกัน ผู้ว่าจ้างจะเป็นคนจัดการเองทั้งหมด เมื่อทำงานเสร็จก็แยกย้ายกันไป
ครั้งที่สามคือวันที่ 2 พ.ย. 68 ในเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ผู้ว่าจ้างได้สั่งการให้ขับรถไปจอดไว้ที่ทางแยกเข้า ต.ขามเฒ่า อ.เมืองนครพนม โดยมีคนขับรถจักรยานยนต์มารออยู่ก่อนแล้ว จากนั้นก็ขับรถ จยย.นำเข้าไปในบ้านกุดข้าวปุ้นหมู่ 3 ต.ขามเฒ่า แต่จำไม่ได้ว่าเป็นบ้านหลังไหน มีคนช่วยกันแบกกระสอบยัดใส่แค็บและท้ายกระบะจนเต็ม หนึ่งในนั้นคือ นายณัฐพงศ์ (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี แล้วก็ให้ตนขับรถออกไปพร้อมกับนายบิ๊ก จุดหมายอยู่ที่ จ.สกลนคร ระหว่างนั้นเริ่มเอะใจเพราะมีแสงไฟรถวิ่งตามมาห่างๆ โทรศัพท์สอบถามผู้ว่าจ้างก็สั่งให้เร่งเครื่องหนี เพราะไม่ใช่ทีมงานในเครือข่าย คาดเป็นรถยนต์เจ้าหน้าที่ไล่ติดตาม แต่หนีไม่พ้นจึงถูกจับกุมได้ดังกล่าว
สอบถาม นายณัฐพงศ์ ที่นั่งรถมากับ นายเมฆ เล่าว่า ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน และเพิ่งรับงานเป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกพาเมียไปด้วย แต่พอเมียรู้ว่ามาขนยาเสพติดจึงไม่เอาด้วย ตนจึงทิ้งงานกลางคัน เพื่อกลับไปง้อเมีย ครั้งนี้โกหกเมียว่าจะไปหาเพื่อน กระทั่งถูกจับกุมได้ ซึ่งนายณัฐพงศ์ เล่าไปร้องไห้ฟูมฟายน้ำตานองหน้า ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า "ร้องไห้ทำไม นายณัฐพงศ์กล่าว่า คิดถึงเมีย กลัวเขาไปมีผัวใหม่ แต่ก็พยายามทำใจว่าระหว่างติดคุกเขาคงไม่รอตนแน่
นอกจากนี้ ชุดปฏิบัติการ ตชด.236 ได้ขยายผลจากคำให้การของนายเมฆ ว่า มีคนในพื้นที่ขับรถจักรยานยนต์มารอรับ จึงสืบสวนสอบสวนจนทราบว่าชายที่ขับ จยย.ชื่อนายก้อง ฉายาไอ้โล้นซ่า อายุ 26 ปี ควบคุมตัวมาสอบสวนพร้อมกับ นายบิวอายุ 22 ปี เป็นคนบ้านกุดข้าวปุ้นทั้งคู่ ให้การว่าได้รับค่าจ้างครั้งละ 5,000-6,000 บาท ทำหน้าที่ขนยาเสพติดลงจากเรือริมแม่น้ำโขง และนำทางรถยนต์เข้าไปรับยาเสพติด ทำมาแล้วรวม 3 ครั้ง
สำหรับ ยาเสพติดเป็นเป็นเมทแอมเฟตามีนหรือไอซ์ บรรจุในถุงชายี่ห้อชิงซาน (QING SHAN) แปลว่า ภูเขาสีเขียว มีรูปดาวห้าดวง และกาน้ำชา ซีลด้วยพลาสติกสุญญากาศ 5 ชั้น ประทับตราตัวอักษร L เป็นภาษาอังกฤษ จำนวน 10 กระสอบ ประมาณ 490 ถุง/กิโลกรัม ราคาถุงละ 3 แสนบาทเป็นอย่างต่ำ มูลค่าการตรวจยึดจับกุมครั้งนี้ประมาณ 147 ล้านบาท ซึ่งจากประวัติการตรวจยึดยาไอซ์ยี่ห้อนี้ เคยยึดได้จากกลางทะเลภาคใต้จำนวนมาก คาดปลายทางส่งไปยังประเทศที่สาม นอกจากนี้ยังพบว่า ถุงชาแต่ละสีเป็นตัวกำหนดคุณภาพ ตามใบสั่งของลูกค้าประเทศปลายทาง อย่างเช่น ไอซ์ในห่อชาสีเขียว มีความบริสุทธิ์มากที่สุดเกือบร้อยละ 99 คุณภาพระดับส่งออก หรือ เกรดเอ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี