วันอังคาร ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
            
								‘ปปง.’แจงขั้นตอนสืบทรัพย์ ‘เฉิน จื้อ’CEO ปรินซ์กรุ๊ปในไทย ระบุพนักงานสอบสวนต้องปักธง‘ความผิดมูลฐาน’ให้ชัดเจนก่อน ส่วน‘วรภัค’อยู่ระหว่างการประสานงานในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง
กรณี นายเฉิน จื้อ ประธานบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป (กัมพูชา) ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกายื่นฟ้องนายเฉิน จื้อ (CHEN ZHI) หรือ วินเซนต์ (Vincent) ผู้ก่อตั้งกลุ่มปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป ในความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงโดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ และความผิดฐานฟอกเงินและใช้มาตรการริบทรัพย์ทางแพ่งในการยึดทรัพย์ รวมทั้งคริปโตเคอร์เรนซี มูลค่าทรัพย์สินโดยประมาณ 4.9 แสนล้านบาท รวมทั้งสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศของกระทรวงการคลังสหรัฐ (Office of Foreign Assets Control: OFAC) ออกมาตรการลงโทษทางการเงินกับบุคคลและบริษัทในเครือที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 4 พ.ย. รายงานข่าวจากสำนักงาน ปปง. เปิดเผยว่า เบื้องต้นในการตรวจสอบนายเฉิน จื้อ ตามขั้นตอนแล้วจะต้องประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ซึ่ง ปปง. จะดูเรื่องของพฤติกรรมต้องสงสัยทางการเงิน แต่การจะไปมีมาตรการกับทรัพย์สินจะต้องมีคดีมูลฐานปรากฏก่อน ไม่ว่าคดีมูลฐานนั้นจะดำเนินการโดยตำรวจ สอท. ตำรวจ บช.ก. หรือดีเอสไอ (DSI) แล้วจึงจะไปสู่การมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินได้ และแม้ว่า ปปง. จะเห็นรายการการถือครองทรัพย์สินของบุคคล แต่ ปปง. จะยังไม่รู้ว่าบุคคลกระทำความผิดอะไรจาก 28 มูลฐานความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ดังนั้นจะไม่เห็นสารตั้งต้นของการดำเนินคดี แต่จะเป็นเพียงการสืบสวน
อย่างไรก็ตาม ต้องมีข้อมูลเรื่องความผิดปรากฏก่อนจึงจะดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ รวมไปถึงแม้ว่ากระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา ได้ยื่นฟ้องนายเฉิน จื้อ และใช้มาตรการริบทรัพย์ทางแพ่งในการยึดทรัพย์นั้น เรื่องนี้ไม่ได้ส่งผล แต่ถ้าพูดถึง Asset sharing ยกตัวอย่าง ประเทศนั้น ๆ มีการยึดทรัพย์สินของบุคคลในประเทศไทย ในจำนวน 100 ล้านบาท ปปง. ก็ต้องแจงว่า จะยึดไปเต็มจำนวนไม่ได้ เพราะมันก็มีการบริหารจัดการในส่วนของ ปปง. อยู่ด้วย ซึ่งก็ต้องอยู่ในอัตราการบริหารจัดการระหว่างรัฐต่อรัฐ อย่างไรก็ดี ถ้าเป็นคดีการฉ้อโกง หากมีการยึดทรัพย์สินในไทย สำนักงาน ปปง. จะคืนให้ 100% เพราะทรัพย์สินจะไม่ตกเป็นของแผ่นดิน ฉะนั้น มูลฐานความผิดที่พนักงานสอบสวนจะตั้งขึ้นมาคือหัวใจสำคัญ ต้องปักธงให้ถูกต้อง รอบคอบ เพราะถ้าเป็นจำพวกคดีเว็บพนันออนไลน์ ทรัพย์สินที่ยึดจะตกเป็นของแผ่นดิน แต่ถ้าคดีฉ้อโกงประชาชน ทรัพย์สินที่ยึดได้จะต้องเฉลี่ยคืนผู้เสียหาย
ส่วนกรณีนายเฉิน จื้อ มีกิจการหรือประกอบกิจการในประเทศไทยหรือไม่นั้น รายงานภายในสำนักงาน ปปง. ระบุว่า ส่วนนี้ยังไม่พบข้อมูล เนื่องจากก่อนหน้านี้พบว่าดีเอสไอได้มีการตั้งเรื่องสืบสวนกรณี บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเชื่อมโยงกับเครือข่ายบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป (Prince Holding Group) ซึ่งมี นายเฉิน จื้อ หรือวินเซนต์ ชาวอังกฤษเชื้อสายกัมพูชา วัย 37 ปี เป็นผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทฯ แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่ใช่การสอบสวนเป็นคดีพิเศษ เพราะความผิดมูลฐานจะเป็นอำนาจที่ ปปง. จะเข้าไปดำเนินการได้ หรือถ้าหากมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ หรือมีการรายงานมายังสำนักงาน ปปง. ว่าบุคคลมีพฤติการณ์กระทำความผิด ก็สามารถเข้าไปดำเนินการตรวจสอบได้
รายงานข่าวจากสำนักงาน ปปง. ยังระบุถึงกรณีของนายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่ถูกกล่าวหาพาดพิงถึงความสัมพันธ์กับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือเบน สมิธ และนายเลียก ยิม (Leak Yim) ผู้บริหารของ BIC Bank Cambodia ประธานกรรมการของธนาคาร ว่า ปปง. จะมีบทบาทอย่างไรต่อเรื่องนี้เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่า ปปง. มีหน้าที่สนับสนุนข้อมูล หากหน่วยงานใดต้องการข้อมูลไปสืบสวนสอบสวน ปปง. ก็จะมีข้อมูลทั้งการทำธุรกรรมและผู้ที่มาเกี่ยวข้องในธุรกรรมนั้น ๆ หรือการซื้อ ครอบครอง ถือครองทรัพย์สินรายการใดบ้าง เป็นต้น
พนักงานสอบสวนที่จะมาขอข้อมูลกับ ปปง. ก็จะต้องระบุด้วยว่า เป็นการขอข้อมูลในเรื่องมูลฐานใดจากความผิดกฎหมายฟอกเงิน ต้องมีพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลมีการฉ้อโกงประชาชน หรือมีการเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ เป็นต้น มิใช่ว่าเจ้าหน้าที่จะมาขอตรวจสอบใครก็ได้ แบบนี้จะถือเป็นการกระทบสิทธิประชาชนและบุคคลที่สามที่ปรากฏในการทำธุรกรรม อีกทั้งคนขอข้อมูลก็ต้องรับผิดชอบกับข้อมูลที่ขอไปจาก ปปง. เพราะกฎหมายระบุเลยว่า “ให้เปิดเผยเท่าที่จำเป็น“ จากนั้นข้อมูลเหล่านี้ พนักงานสอบสวนก็จะใช้ไปขอศาลออกหมายค้น ยกตัวอย่างเหตุการณ์ หากพนักงานสอบสวนมีรายชื่อบุคคลในเป้าหมายที่ต้องตรวจสอบ 3 ราย แต่เมื่อไปขยายเส้นทางการเงิน พบเป็น 10 ราย ทำให้รายชื่อเป้าหมายจาก 3 ราย เพิ่มเป็น 7 ราย เช่นนี้ก็นำไปสู่การตรวจค้นได้ เพราะมีหลักฐานนำเสนอศาลแล้วว่ามีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงกัน ก็จะเริ่มการตรวจค้น นำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ รายงานข่าว ระบุว่า อย่างไรก็ดี ทั้งกรณีของนายเฉิน จื้อ และกรณีของนายวรภัค ธันยาวงษ์ อยู่ระหว่างการประสานการดำเนินการกับหลายหน่วยงาน และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ประเด็นข้อเท็จจริง
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี