4 สมาคมตำรวจเดือด! จี้ฟัน 'บิ๊กโจ๊ก-อัจฉริยะ' กล่าวหา สตช. เป็นองค์กรอาชญากรรม ทำลายความเชื่อมั่น ปชช.

4 สมาคมตำรวจเดือด! จี้ฟัน 'บิ๊กโจ๊ก-อัจฉริยะ' กล่าวหา สตช. เป็นองค์กรอาชญากรรม ทำลายความเชื่อมั่น ปชช.

วันพุธ ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 11.40 น.

4  สมาคมตำรวจเดือด! จี้ สตช. ฟัน 'บิ๊กโจ๊ก-อัจฉริยะ' กล่าวหา สตช. เป็นองค์กรอาชญากรรม ทำลายความเชื่อมั่นประชาชน ท้าเปิดหลักฐานเอาผิดตำรวจไม่ดี

วันที่​ 5 พฤศจิกายน เวลา​ 10.00 น. ที่​สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 4 สมาคมตำรวจประกอบด้วยสมาคมตำรวจ, สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ, ชมรมพนักงานสอบสวนและชมรมข้าราชการตำรวจบำนาญนำโดย​ พล.ต.อ.วินัย​ ทองสอง และพล.ต.อ.เอก​ อังสนานนท์อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ​ รวมตัวเข้ายื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ​ พันธุ์เพ็ชร์​ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ​ เรียกร้องให้ดำเนินการทางวินัยและอาญา กับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์​ หักพาล​ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและนายอัจฉริยะ​ เรืองรัตนพงศ์​ ประธานชมรมช่วยเหลืออาชญากรรม​ กรณีออกมาเคลื่อนไหวให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย​ และมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องหลายร้อยนายซึ่งสร้างความเสียหายกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างร้ายแรง


โดย  พล.ต.อ.วินัย กล่าวย้ำว่าการเรียกร้องในวันนี้เนื่องจากมองว่าการออกมาใส่ร้ายองค์กรตำรวจของ 2 คนเป็นการบั่นทอนและทำลายชื่อเสียงรวมทั้งทำลายความเชื่อมั่นประชาชนที่มีต่อองค์กรตำรวจเนื่องจากองค์กรตำรวจก่อตั้งมานานเป็น100ปี จึงต้องการกอบกู้ศรัทธา​ โดยย้ำว่าหากทั้ง2คนมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนก็ขอให้นำมามอบให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อเอาผิดและจัดการกับตำรวจไม่ดี​

อีกทั้ง​ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่เป็นอดีตข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่แต่กลับมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เป็นเพียงเพราะผิดหวังจากตำแหน่งและถูกให้ออกจากราชการ พร้อมเรียกร้องให้​ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ​ ดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกพาดพิงว่ามีการกระทำความผิด  โดยทั้ง 4 ประชาคม จะเฝ้าติดตามความคืบหน้า​ 

ส่วนที่มีการเรียกร้องให้ พล ต.อ.กิตติ์รัฐ ให้ออกมาตอบโต้และไม่ควรนิ่งเฉยในฐานะผู้นำองค์กรตำรวจด้วยตนเองนั้น​  มองว่าบุคคลิกของผู้นำแต่ละคนไม่เหมือนกัน​ ตนเองจึงต้องออกมาเรียกร้องและตอบโต้ยืนยันว่าการเรียกร้องของ 4 ประชาคมไม่ใช่เป็นกระบอกเสียงหรือเป็นการเป็นหนังหน้าไฟของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมระบุว่า ตนเองไม่เคยยกหูคุยทางโทรศัพท์กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ​หลังจากที่ออกมากล่าวหาเนื่องจากมองว่าโตๆกันแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้ตนเองจะเคยเป็น 1 ในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ที่ นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรีสมัยนั้นแต่งตั้งเพื่อตรวจสอบ การกระทำของ​ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์​ สุวิมล อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีปัญหากันซึ่งคณะกรรมการฯ​ ได้มีมติชี้มูลว่า  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีความผิดแต่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ​ยังมียังไม่มีมติออกมาต่อสาธารณชนนั้นทำให้เกิดข้อสงสัย พล.ต.อ.วินัย ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการ และยืนยันว่าเรื่องนี้มีพยานหลักฐานทั้งสองฝ่าย แต่ไม่ขอให้รายละเอียดมากไปกว่านี้แม้ว่าปัจจุบันทาง ก.ร.ตร.จะมีมติชี้มูลพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯกับพวกไปแล้วก็ตาม

ด้าน​ พล.ต.ต.ไอยศูนย์  สิงหนาท หัวหน้าสมาคมตำรวจสาขานครราชสีมา กล่าวว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นสร้างความไม่พอใจให้กับข้าราชการตำรวจระดับชั้นผู้น้อยเป็นจำนวนมากที่รู้สึกไม่สบายใจและขอให้ตนเองออกมาดำเนินการกับเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดเพราะทำให้บั่นทอนกำลังใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ  พร้อมยอมรับว่าเสียดายพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ตนเองรู้จักและติดตามการทำงานมาโดยตลอดทั้งๆที่เป็นตำรวจหนุ่มไฟแรงและมีอนาคตที่สดใสแต่กลับมากล่าวหาใส่ร้ายองค์กรตำรวจที่ตนเองเติบโตมา

ขณะที่​ พล.ต.ท.ยิ่งยศ​ เทพจำนงค์​ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวชี้แจงกรณีเรียกร้องให้พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ​ ออกมาชี้แจงและตอบโต้ในเรื่องดังกล่าวด้วยตนเองในฐานะผู้นำหน่วยว่าการออกมาตอบโต้มีหลายวิธีแต่วิธีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทำคือการตอบโต้ด้วยการทำงานมีผลการจับกุมสร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์เป็นวิธีที่ทำให้ประชาชนเห็นผลงานมากกว่า ซึ่งยืนยันว่าขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็มีการรวบรวมพยานหลักฐานยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับทุกคนที่กล่าวหาใส่ร้ายองค์กรตำรวจโดยปราศจากหลักฐานอย่างเด็ดขาด  เพราะการกล่าวหาใครต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนมีกระบวนการทำงานอยู่แล้ว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top