วันพุธ ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
รมว.ยุติธรรม เปิดปฏิบัติการ Kick Off สายด่วน 1386 แก้ปัญหายาเสพติด “นักเสพ-นักค้า“ 21 จังหวัด ” พบเป้าหมายบุคคลรวม 156 ราย แบ่งเป็นบุคคลทั่วไป 149 คน - จนท.รัฐ 7 คน ซึ่งมีทั้งจับกุมดำเนินคดี และส่งบำบัดรักษา ขณะที่ “เลขา ป.ป.ส.” เผยสถิติผู้เสพ-เสพคลั่ง พุ่งขึ้น 3 เท่าหลังยกระดับสายด่วน 1386 ระบุจนท.รัฐ 2 ใน7ราย เป็นผู้ค้าอยู่ในหน่วยงานฝ่ายปกครองและลูกจ้างหน่วยงานราชการท้องถิ่น
เวลา 08.30 น. วันที่ 5 พ.ย.68 ที่ศูนย์ปฏิบัติการ ป.ป.ส. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด( ป.ป.ส.) ดินแดง กรุงเทพมหานคร พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม เป็นประธานเปิดปฏิบัติการ Kick off “1386 ที่พึ่งทุกปัญหายาเสพติด” โดยมี พ.ต.ต.สุริยา สิหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. น.ส.อารีภักดิ์ เงินบำรุง รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายคณิศร ภาพีรนนท์ ผอ.สำนัก ปราบปรามยาเสพติด นายอัธยา นวลอุทัย ผู้ช่วยปลัดกระ ทรวงมหาดไทย พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.ปส. ผู้แทนกรมการปกครอง ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง ร่วมรับฟังผลการดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้าน/ชุมชนตามแผนดำเนินการ “Kick off 1386 ที่พึ่งทุกปัญหายาเสพติด“ ดำเนินการใน 21 จังหวัด คือ กทม. ปทุมธานี สมุทรปราการ จันทบุรี ตราด นครราชสีมา อุดรธานี เลย เชียงใหม่ น่าน เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน แพร่ อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พะเยา สมุทรสาคร สุราษฎร์ธานี และ พัทลุง รวมพื้นที่ปฏิบัติการทั้งสิ้น 161 จุดปฏิบัติการ โดยเป็นเป้าหมายบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 156 คน แบ่งเป็นเป้าหมายบุคคลทั่วไป 149 คน เป้าหมายเจ้าหน้าที่รัฐ 7 คน เป้าหมายพื้นที่ 5 จุด แบ่งเป็นพื้นที่ กทม. 2 จุด จันทบุรี 1 จุด เชียงใหม่ 1 จุด และแม่ฮ่องสอน 1 จุด

โดย พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม เปิดเผย ภายหลังรับฟังรายงานผลปฏิบัติการ ว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสดี ที่ได้มาเปิดปฏิบัติการ Kick Off 1386 ที่พึ่งทุกปัญหายาเสพติด ซึ่งตนได้มีการพูดคุยกับ ปปส.ภาค และหัวหน้าส่วนต่าง ๆ ในแต่ละจังหวัด ที่มีการรายงานผลเข้ามา มองว่าเป็นการบูรณาการ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และที่สำคัญที่สุดเราได้รัยความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ซึ่งหัวใจหลักของปฏิบัติการนี้ก็คือการที่ประชาชนได้แจ้งเบาะแสเข้ามาที่สายด่วน 1386 ตนเชื่อว่าแต่ละพื้นที่ไม่มีใครที่จะรู้ปัญหา เท่าคนในพื้นที่อยู่แล้ว แต่สายด่วน 1386 จะเป็นเหมือน ช่องทางในการรับรู้ปัญหาเพิ่มมากขึ้น โดยบางพื้นที่ที่เรา ได้รับรายงานเข้ามา ก็มีบ้างที่ผู้นำชุมชนได้กล่าวถึงการตั้งป้อมชุมชน หรือด่านชุมชน เพื่อคัดกรองคนนอกที่จะเข้ามาซื้อ-ขายยาเสพติด ทำให้รู้ได้ว่าใครคือผู้ค้า และใครคือผู้เสพในพื้นที่ ซึ่งตนก็ได้หารือ กับ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. ในเรื่องนี้ว่าให้ ติดตามความคืบหน้าด้วย ส่วนภาพรวมการปฏิบัติการในวันนี้ ตนมองว่า ผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพึงพอใจ ทั้งการจับกุมดำเนิน คดีและการส่งเข้ารับการบำบัด ยกตัวอย่าง บางชุมชนในกรุงเทพฯ เป็นชุมชนขนาดเล็ก 49 หลังคาเรือน ประชากรประมาณ 200 คน แต่ก็มีปัญหายาเสพติด
พล.ต.ท.รุทธพล เผยอีกว่า ส่วนกรณีพบว่ามีกลุ่ม เป้าหมาย เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 7 ราย เป็นใครบ้างนั้น ตนทราบว่าส่วนใหญ่มี พฤติการณ์เสพยาเสพติด ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการค้าหรือไม่นั้น ทราบว่ามีพฤติการณ์ ร่วมจำหน่าย ทั้งนี้ กรณีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐไปข้อง เกี่ยวกับยา เสพติดเสียเอง ตนอยากย้ำว่า เป็นเรื่องของตัวบุคคล ซึ่งอาจจะหลงผิด ส่วนนี้คงต้องมีมาตรการลงโทษตามมาตรฐาน รุนแรง เชื่อว่าจะปราบปรามได้ และเเม้ทุกหน่วยงานจะมีการตรวจ ปัสสาวะเจ้าหน้าที่ แต่ก็ต้องดูว่า ผู้บังคับบัญชาแต่ละหน่วย งานมีความจริงจังแค่ไหน อย่างช่วงที่ตนรับราชการ เจอเจ้า หน้าที่ในสังกัดปัสสาวะมี ผลตรวจสารเสพติด ตนก็ให้ออกราชการ และตำรวจ แม้มีหลงผิดไปเสพ แต่ก็ต้องขยับดำเนินการ มาตรการต่อไปด้วย การรับโทษของเจ้าหน้าที่ก็ต้องเพิ่มขึ้น
พล.ต.ท.รุทธพล เผยต่อว่า สำหรับสถิติการรายงานผล จากการ เปิดปฏิบัติการวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นนักค้าหรือนักเสพ ตนเชื่อว่า ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ขยายผลถึงนักค้ารายใหญ่ได้ ส่วนนี้ทุกภาคส่วนจะได้นำไปใช้ขยายผลกัน ทั้ง ป.ป.ส. บช.ปส. เป็นต้น แม้จะจับมือขนลำเลียง นักเสพ นักค้ารายย่อย แต่สิ่งเหล่านี้ก็สามารถนำไปสู่การจับกุมนักค้ารายสำคัญได้แน่นอน ส่วนประเด็นที่มีนักค้ายาเสพติดชาวไทยรายสำคัญหลายคน ยังหนีหมายจับศาลไปกบดานต่างประเทศ จะนำตัวกลับมาดำเนิน คดีอย่างไรนั้น เรื่องนี้เราจะมีการประสานกับทางการต่างประเทศ อย่างใกล้ชิดต่อไป พร้อมกันนี้ กล่าวชื่นชมการแก้ไขปัญหา ยาเสพติด ในส่วนของพื้นที่ภาคตะวันออก (ปปส.ภาค 2) ซึ่งก่อนหน้านี้พบว่าในพื้นที่มีการขายยาเสพติดถึง 24 ชม. จึงต้องฝากการบ้านให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนบูรณาการกัน รวมถึงฝากเรื่องป้อมชุมชนที่ผู้นำชุมชนได้มีการกล่าวถึงประโยชน์ในการคัดกรองบุคคลที่จะเดินทางเข้าออกภายในชุมชน เพื่อป้องกัน การนำยาเสพติดเข้ามาขาย ว่าควรให้เจ้าหน้าที่ได้มีการสลับเวรกันมา รับหน้าที่ประจำป้อมชุมชน และเห็นด้วยกับการสนับสนุนการใช้กล้อง AI ในการตรวจจับสแกนความผิดปกติ

ด้าน พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า สำหรับผลปฏิบัติการ 87 อำเภอ 21 จังหวัด 161 เป้าหมาย บรรลุผลกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ โดยในครั้งนี้ ป.ป.ส. ร่วมกับทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่แหล่งแพร่ระบาดสูงสุด เช่น ภาคตะวันออก ชุมชนเนิน FM จ.จันทบุรี มีผู้ค้ายาเสพติด รายย่อยเกือบ 300 คนในชุมชนเล็ก ๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่เคยมี การเชิญชวนชาวบ้านให้มามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งนี้ แม้จะเป็นผู้ค้ารายย่อย แต่รายได้ต่อคน วันละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท และมีผู้ซื้อ-ผู้เสพมาจากต่างพื้นที่อีกจำนวนมากเข้าไป ซื้อในชุมชนดังกล่าว แต่การจับกุมผู้ค้าและเป็นผู้มีอิทธิพล ทำให้คนใน ชุมชนมีความพอใจ โดยไม่ได้เน้นเฉพาะรายสำคัญ แต่เราให้ความสำคัญในการจับกุมผู้ค้ารายย่อย ถือเป็นปัจจัย สำคัญทำให้ยาเสพติดระบาดในพื้นที่สร้างความเดือดร้อนต่อชุมชน ส่วนผู้ค้ารายสำคัญก็ดำเนินการตามจับกุมต่อเนื่องต้องแบ่งหน้าที่กันทำ
"ในส่วนชุมชนเนิน FM จันทบุรี สามารถจับกุมผู้เสพเกือบ 100 ราย เกินกว่าเป้าหมาย และจับกุมผู้ค้าตามหมายจับ 2 ราย รวมถึง ผู้ค้ารายย่อยบางส่วน ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐ 7 รายที่พบว่าเกี่ยวข้องกับยา เสพติด มีทั้งพลทหาร เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ พบพฤติการณ์ เป็นผู้ค้าและผู้เสพด้วย บางรายเริ่มมีอาการหวาดระแวง บางรายจะทำร้ายคนในครอบครัวหรือผู้อื่น เบื้องต้นใน 7 รายนี้ มี 2 ราย เป็นผู้ค้าอยู่ในหน่วยงานฝ่ายปกครองและลูกจ้างหน่วยงาน ราชการท้องถิ่น ทางภาคตะวันออกและภาคอีสาน เริ่มแรก จะชักชวนเพื่อน ร่วมงานก่อนจนกระทั่งเสพติดก็ต้องนำยามา ปริมาณเพิ่มมากขึ้น เพื่อหากำไรมาซื้อให้ตัวเองเสพ เป็นสาเหตุ ทำให้เกิดการแพร่ ระบาดรวดเร็ว นอกจากนี้ การจับกุม อาจมี บุคคลถูกกลั่นแกล้ง เพราะเคยมีพฤติการณ์ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หรืออยู่ระหว่าง เลิกเสพยา แต่เพื่อนบ้านยังรู้สึกหวาดระแวง แต่ทางเจ้าหน้าที่ต้อง พิสูจน์ทราบทุกเป้าหมายและให้ความเป็น ธรรมกับผู้ถูกแจ้ง" เลขาธิการ ป.ป.ส. ระบุ

พ.ต.ต.สุริยา เผยอีกว่า แต่หากประสงค์เข้ารับการบำบัดก็ สามารถทำได้และไม่มีประวัติ หรือเพื่อนบ้านเกรงไม่ได้รับความ ปลอดภัย สามารถโทร.แจ้ง 1386 ซึ่งเราให้ความสำคัญทั้งหมด จากสถิติสายด่วน 1386 พบว่าตัวเลขผู้เกี่ยวข้องยาเสพติด ไม่ได้ลดลง ก่อนหน้านี้หนึ่งเดือนพบว่ามีประมาณ 1,000 ราย ต่อมา ป.ป.ส. ประกาศรับทุกกรณีเกี่ยวกับยาเสพติด พบว่าสถิติพุ่งขึ้นมาเป็น 3 เท่า เดือนละ 3,000 กว่าราย ส่วนมาก 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นปัญหา ลูกในบ้านติดยาเสพติดต้องการให้เข้ารับการบำบัด ซึ่ง ป.ป.ส. พร้อมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือดูแลทุกกรณี
ขณะที่ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. กล่าวผ่านการประชุม Conferenceว่าวันนี้เป็นมิติการเปิดปฏิบัติการแบบที่ตนไม่เคยพบเจอมาก่อนเพราะภายหลังจากเข้าสแกนพื้นที่แล้วเรายังมีการประชาสัมพันธ์ ให้พี่น้องประชาชนทราบถึงบทบาทของสายด่วน 1386 ว่ารับแจ้งเบาะแสและช่วยเป็นตัวกลางประสาน นอกจากนี้ ยังมีคนในชุมชนเดินออกมาให้กำลังใจและชื่นชมการ Kick Offในครั้งนี้ว่าดีมากดีเยี่ยมพร้อมส่งมอบรอยยิ้มให้เจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติหน้าที่
สำหรับภาพรวมการรายงานผลการปฎิบัติการ สำนักงาน ป.ป.ส. รายงานมีดังนี้ สามารถดำเนินการจับกุม จำนวน 40 คน ส่งบำบัด จำนวน 26 คน สืบสวนเพิ่มเติม จำนวน 15 คน และตรวจยึด ของกลาง ยาบ้า จำนวน 2,700 เม็ด ไอซ์ จำนวน 65.6 กรัม คีตามีน จำนวน 2.8 กรัม รายการทรัพย์สิน ตรวจวยึดเงินสดมูลค่า 2,508,500 บาท รถยนต์ 1 คัน อาวุธปืน 1 กระบอก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี