เช็กเลย! 10 อันดับอุทยานแห่งชาติ ยอดนิยม ปี 2568 ทำรายได้สูงสุด

เช็กเลย! 10 อันดับอุทยานแห่งชาติ ยอดนิยม ปี 2568 ทำรายได้สูงสุด

วันพุธ ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 15.30 น.

กรมอุทยานแห่งชาติฯ เผย 10 อันดับอุทยานฯ ยอดนิยมปีงบ 68 ด้าน อช.สิมิลัน​ เริ่มเปิดฤดูกาลรายได้เพิ่ม​กว่าปีก่อน 11.53% ย้ำ! ทุกอุทยานฯ พร้อมเดินหน้า Zero​ Food Waste​ ตามนโยบายรองนายกฯ และ รมว.ทส.

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า กรมอุทยานฯ จัดเก็บรายได้จากค่าธรรมเนียมการเข้าใช้บริการอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 (ตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) ได้สูงถึง 2,208,128,028.86 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ถึง 8,399,101.87 บาท ตัวเลขดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติในการเดินทางท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และความสำเร็จของนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนภายใต้การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ


​นายอรรถพล​ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ​ฯ​ เปิดเผยอีกว่า ได้เน้นย้ำมาตรการสำคัญ ได้แก่​ การนำระบบ E-Ticket มาใช้​ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว โปร่งใส และลดการใช้กระดาษในการจัดเก็บค่าธรรมเนียม​ การปรับปรุงระบบจองที่พัก เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น​ การดูแลความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวก​ ทบทวนและวางแผนมาตรการเพื่อสร้างความมั่นใจและความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว​ การยกระดับการบริการ​ มุ่งเน้นการให้บริการที่ได้มาตรฐานเพื่อความพึงพอใจควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติ

ด้านอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ที่เพิ่งเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวไปเมื่อเดือนตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา​ พบว่า ในเดือนตุลาคม 2568 อุทยานฯ สิมิลัน จัดเก็บรายได้รวม 11,069,800 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เก็บได้อยู่ที่ 9,925,150 บาท คิดเป็นการเติบโต 11.53% หรือเพิ่มขึ้นกว่า 1.14 ล้านบาท ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าเยี่ยมชมในเดือนนั้น มีทั้งสิ้น 23,578 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 285 คน หรือเติบโต 1.2%

สำหรับอุทยานแห่งชาติที่สร้างรายได้สูงสุด 10 อันดับแรกในปีงบประมาณ 2568 ได้แก่

1. อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี : 648,920,480 บาท
2. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน : 197,258,000 บาท
3. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ : 138,428,250 บาท
4. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ : 131,210,638 บาท
5. อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด : 121,542,460 บาท
6. อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา : 115,150,150 บาท
7. อุทยานแห่งชาติเขาสก : 99,807,806 บาท
8. อุทยานแห่งชาติเอราวัณ : 93,746,395 บาท
9. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง : 45,391,920 บาท
10. อุทยานแห่งชาติตะรุเตา : 37,879,350 บาท

นอกจากนี้ ทุกอุทยานฯ ทางทะเลได้ดำเนินกิจกรรมภายใต้ โครงการ “อนุรักษ์ ทะเล” ตามแนวพระราชดำริของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตน์ราชกัญญา ที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลไทยผ่านการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว​ รวมถึงให้กำหนดแนวทางการสำรวจทรัพยากรทางทะเลอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของสัตว์ทะเลหายาก และการติดตามสถานการณ์ปะการังฟอกขาว เพื่อประเมินผลกระทบและวางแผนการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน​ รวมถึงการจัดการขยะทะเลที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลและสัตว์ทะเลด้วยเช่นกัน​

และที่สำคัญอีกประการคือ ทุกอุทยานฯ ทั้งทางบกทางทะเลจะต้องดำเนินตามนโยบายเร่งด่วนของรองนายกฯ เรื่องการจัดการขยะ โดยเฉพาะขยะอาหาร (Zero​ Food Waste) เพื่อเป้าหมาย “ประเทศไทยไร้ขยะอาหาร” ซึ่งมีคำสั่งให้ทุกอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศจัดทำแผนปฏิบัติการกำจัดขยะ ในพื้นที่รับผิดชอบให้เป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ​ไปก่อนนี้แล้ว
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top