ข่าวดี! อุทยานแห่งชาติไทรโยค พบ "ลูกเสือโคร่งตัวใหม่" ชี้ความสำเร็จงานลาดตระเวน "SMART Patrol" ด้านอธิบดีฯ สั่งคุมเข้มป้องกันภัยคุกคามในพื้นที่ต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 อุทยานแห่งชาติไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี มีรายงานพบลูกเสือโคร่งตัวใหม่ (Large Cub ซึ่งเป็นช่วงอายุระหว่าง 1 ถึง 2 ปี) จากภาพถ่ายในกล้องดักถ่ายภาพ (Camera trap) ซึ่งถือเป็นสัญญาณสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์และความสำเร็จของการปกป้องผืนป่าในพื้นที่นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ยกระดับมาตรการด้านการป้องกันและเฝ้าระวังพื้นที่อย่างเข้มข้นเพื่อปกป้องผืนป่าและสัตว์ป่าให้ปลอดภัยจากการคุกคาม รวมถึงให้ความรู้กับชุมชนที่อยู่ติดกับแนวเขตป่าให้เห็นถึงความสำคัญของเสือโคร่ง และโทษของการกระทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายพีร พวงมาลี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค เปิดเผยว่า การพบลูกเสือโคร่งตัวใหม่นี้ถูกบันทึกภาพไว้เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เวลา 21.48 น. และ เมื่อได้วันที่ 10 กันยายน 2568 เวลา 19.01 น.คาดว่ามีอายุประมาณ 1 ปี และได้รับรหัสชื่อ SYT001F_C.1_2025  จุดที่พบลูกเสือโคร่งนี้เป็นบริเวณที่ติดตั้งกล้อง

ลูกเสือโคร่งตัวใหม่นี้ คาดว่าเป็นลูกของแม่เสือโคร่งรหัส (SYT001F) ซึ่งเป็น "เสือโคร่งรหัสไทรโยคตัวแรก" ที่องค์กรแพนเทอราเคยสำรวจพบตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2561 และมีความเป็นไปได้สูงว่าพ่อของมันคือเสือโคร่งเพศผู้รหัส (SYT004M) ที่มีพื้นที่หากินซ้อนทับกัน

การค้นพบลูกเสือโคร่งตัวใหม่นี้เน้นย้ำถึงประสิทธิผลของปฏิบัติการลาดตระเวนปกป้องผืนป่าด้วยระบบ SMART Patrol ของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยคอย่างชัดเจน "ผลจากการเดินลาดตระเวนปกป้องผืนป่า ส่งผลให้สามารถปกป้องที่อยู่อาศัยของเสือโคร่ง ลดปัจจัยการคุกคาม และส่งผลให้เพิ่มประชากรเสือโคร่ง ซึ่งเป็นสัตว์ที่เป็นดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ทั้งนี้จะได้เพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวนอย่างต่อเนื่องต่อไป"

ปัจจุบัน อุทยานแห่งชาติไทรโยคเคยพบเสือโคร่งรวม 4 ตัว และการพบลูกเสือโคร่งตัวใหม่อีก 1 ตัว ทำให้จำนวนเสือโคร่งที่พบในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติไทรโยค เพิ่มขึ้นรวมเป็น 5 ตัว การเพิ่มขึ้นของประชากรเสือโคร่งในอุทยานแห่งชาติไทรโยคถือเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับการอนุรักษ์สัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ และเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่ในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของประเทศ