วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
'โสภณ'เปิดเวที CBTx ภาคกลางปลุก 'พลังอำเภอ' ขับเคลื่อนแก้ปัญหายาเสพติด 'ใช้พื้นที่เป็นฐาน ประชาชนเป็นศูนย์กลาง' สสส. มุ่งพัฒนาผู้นำระดับอำเภอ ร่วมถอดบทเรียน สร้างเครือข่าย เดินหน้าแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยชุมชนเป็นแกนกลาง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 พ.ย.ที่โรมแรมรามาการ์เด้น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาการเรียนรู้ จัดเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพพลังอำเภอสู่การเป็นอำเภอต้นแบบและอำเภอขยายผลในการขับเคลื่อนชุมชนล้อมรักษ์ (CBTx) และแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน เพื่อร่วมหาแนวทางแก้ปัญหายาเสพติดผ่านกลไกของชุมชน ถอดบทเรียน และส่งต่อความสำเร็จโดยชุมชนต้นแบบ
โดย นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ สสส. กล่าวเปิดงานว่า ปัญหายาเสพติดยังคงเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทยและในอีกหลายประเทศทั่วโลกมาอย่างยาวนาน นับวันสถานการณ์ยิ่งรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิต นำไปสู่ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ ตลอดจนความมั่นคงของประเทศ การแก้ไขปัญหายาเสพติดให้สำเร็จอย่างยั่งยืน จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ภาคศาสนา ภาคประชาชน ภาคการศึกษา รวมทั้งภาคสาธารณสุข เพื่อบูรณาการการแก้ไขปัญหา
นายโสภณ กล่าวว่า การจัดเวทีนี้ จึงเป็นการพัฒนาศักยภาพเพื่อปลุก ‘พลังอำเภอ’ ให้ขับเคลื่อนไปสู่การแก้ปัญหายาเสพติด และกลายเป็นอำเภอต้นแบบและอำเภอขยายผลผ่านแนวทางชุมชนล้อมรักษ์ (CBTx) ที่เน้นการใช้พลังของชุมชนช่วยกันดูแล ให้ชุมชนมีส่วนร่วมตั้งแต่การป้องกัน การบำบัดฟื้นฟู ไปจนถึงการติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยนำผู้ที่มีปัญหากลับมาฟื้นฟู ปรับเปลี่ยน และคืนคุณค่าความเป็นมนุษย์ให้กลับมาเป็นคนของชุมชนได้อย่างภาคภูมิ ช่วยให้สังคมมีความสงบสุขอย่างแท้จริง
ด้าน นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส. จัดประชุมเชิงปฏิบัติการฯ เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน โดยใช้กระบวนการ CBTx ขับเคลื่อนการทำงานเชื่อมกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) และเครือข่ายชุมชนเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยชุมชนเป็นฐาน ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญคือ 1.พัฒนาอำเภอให้เป็นต้นแบบดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดระดับพื้นที่ 2.พัฒนารูปแบบการขยายผลการดำเนินงานไปยังพื้นที่อื่นๆ เพื่อนำไปสู่การสร้างเครือข่ายการบำบัดรักษาผู้ป่วย บำบัดฟื้นฟูในชุมชน 3.ค้นหารูปแบบการฟื้นฟูหรือบำบัดผู้ป่วยในชุมชน และเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรและเครือข่ายในพื้นที่ให้สามารถใช้กระบวนการ CBTx ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4.พัฒนากลไกการสื่อสารและขับเคลื่อนงานไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้แนวทางการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติดในชุมชนเป็นมาตรฐานเดียวกัน
โดยสสส. ขับเคลื่อนงานป้องกันยาเสพติดมาตั้งแต่ปี 58 ปัจจุบันมีพื้นที่ต้นแบบปลอดภัยจากยาเสพติด 29 พื้นที่ทั่วประเทศ มีเครือข่ายภาคประชาชน 12,942 คน ในพื้นที่ 4,022 หมู่บ้าน/ชุมชน มีแกนนำเครือข่ายที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง 282 คน และตั้งแต่ปี 67 สสส.ขยายการดำเนินงานผ่านเวทีสานพลังชุมชนล้อมรักษ์ พร้อมถอดบทเรียนและหาแนวทางการทำงานแบบบูรณาใน 6 ภูมิภาค มุ่งส่งเสริมให้อำเภอมีการรวมตัวเพื่อสร้างความเข้มแข็ง มีการพัฒนาผู้นำชุมชน และมองหากลไกการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ประธานมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาการเรียนรู้ กล่าวว่า หนึ่งในกระบวนการสำคัญของ CBTx คือการติดตามผู้ป่วยยาเสพติดที่ถูกส่งกลับมายังชุมชนตลอด 1 ปี เพราะเป็นช่วง “วัดใจ” ว่าผู้ที่ผ่านการบำบัดยาเสพติดมาแล้วจะกลับไปใช้สารเสพติดอีกครั้งหรือไม่ หากการบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติดผ่านกลไก CBTx ประสบความสำเร็จ จะช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ ทำให้ผู้ที่เคยป่วยสามารถกลับสู่ชุมชนได้ ด้วยเหตุนี้การมีชุมชนที่เข้มแข็งจึงสำคัญ
ทั้งนี้ การรักษาให้ได้ผลจริงคือผู้บำบัดต้องไม่ใช้หรือเสพสารเสพติดตลอดระยะเวลา 1 ปี ซึ่งต้องเกิดจากทุกภาคส่วนสานพลังทำงานร่วมกัน ทั้งท้องถิ่น ชุมชน มหาดไทย ตำรวจ สาธารณสุข จึงล้วนเป็นกำลังสำคัญในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี จนสามารถควบคุมให้ผู้ใช้สารเสพติดปรับความคิดและเปลี่ยนพฤติกรรมจากด้านมืดเป็นด้านสว่างได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น เราต้องอาศัยชุมชนเข้มแข็งสักหนึ่งแห่ง ในหนึ่งอำเภอเป็นสถานที่เริ่มปฏิบัติการให้เห็นจริงก่อน เพื่อเป็นต้นแบบนำไปสู่การขยายผลให้ CBTx กระจายไปทุกพื้นที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี