ภาคกลางอ่วม  น้ำยังท่วมหนัก15จังหวัด  เตือน3จว.‘เจ้าพระยา’ล้น

ภาคกลางอ่วม น้ำยังท่วมหนัก15จังหวัด เตือน3จว.‘เจ้าพระยา’ล้น

วันจันทร์ ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

กรมอุตุฯเตือน 30 จังหวัดมีฝนหนัก ระวังท่วมฉับพลัน-น้ำล้นตลิ่ง  ด้านสทนช.เผยภาพรวมสถานการณ์น้ำยังปริ่ม เหนือฝนหนัก มีน้ำท่วม 15 จังหวัด ส่วนสะพานป่าโมก จ.อ่างทอง เปิดจราจรแล้วบางส่วน ขณะที่ชาวจ.ปทุมธานี อ่วม น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้น เร่งทำสะพานชั่วคราวใช้เข้า-ออกบ้านเรือน

เมื่อวันที่ 9พฤศจิกายน กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ ดังนี้ ภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา และตาก เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมด้านตะวันตกของภาคเหนือและประเทศเมียนมา ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง ส่วนเกษตรกรควรป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร


สำหรับภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากมีลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร อ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

ทั้งนี้ 30จังวัดเฝ้าระวังฝนตกหนัก มีดังนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ70ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา และตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ40ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณ จ.เลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ และนครราชสีมา ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ60ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี กาญจนบุรีและราชบุรี ภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.เพชรบุรี พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ60ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.ตรัง และสตูล

ด้านสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ ดังนี้ 1.สภาพอากาศ หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมด้านตะวันตกของภาคเหนือและประเทศเมียนมา ทำให้ภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา และตาก ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากมีลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้

คาดการณ์ว่า วันที่ 10-12 พฤศจิกายน 2568 ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำเคลื่อนไปปกคลุมประเทศเมียนมา ขณะที่ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ เนื่องจากยังคงมีลมตะวันตกพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับจะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง

2.สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม ปริมาณน้ำรวม 89% ของความจุเก็บกัก 71,444 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 81% (47,323 ล้าน ลบ.ม.) การประเมินสถานการณ์แหล่งน้ำขนาดใหญ่ แหล่งน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำเก็บกักน้อยกว่า 30% จำนวน 20 แห่ง ดังนี้ ภาคกลาง 3 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 แห่ง ภาคตะวันออก 6 แห่ง ภาคตะวันตก 6 แห่ง และภาคใต้ 2 แห่ง

3.คุณภาพน้ำ ณ จุดเฝ้าระวัง แม่น้ำสายหลัก น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค แม่น้ำเจ้าพระยา ณ สถานีสูบน้ำสำแล จ.ปทุมธานี อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานน้ำเพื่อการเกษตร แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกง อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน4.พื้นที่ประสบอุทกภัย เกิดสถานการณ์อุทกภัย 15 จังหวัด 69 อำเภอ ได้แก่ จ.สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี สิงห์บุรี ชัยนาท อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม และอุบลราชธานี

5.การให้ความช่วยเหลือ/แจ้งเตือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ส่งข้อความแจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast พื้นที่ จ.ลำพูน พบว่ามีฝนตกหนักในพื้นที่ อ.ลี้ และยังคงตกต่อเนื่อง ขอให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ดินโคลนถล่ม ในพื้นที่เสี่ยงริมห้วยคลองลำน้ำ ที่ลุ่มต่ำและที่ลาดเชิงเขา โดยเฉพาะ ต.ป่าไผ่ ต.แม่ตืน และพื้นที่ใกล้เคียง โดยขอให้ผู้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงข้างต้น ยกของขึ้นที่สูง ดูแลกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ติดตามข่าวสารจากทางราชการในพื้นที่อย่างใกล้ชิด

กรมชลประทาน ลงพื้นที่ชี้แจงแนวทางการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาว่า เขื่อนเจ้าพระยา เป็นอาคารชลประทานที่สำคัญในการบริหารน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง โดยเฉพาะฤดูน้ำหลาก จะทำหน้าที่ในการรับปริมาณน้ำเหนือที่ไหลหลากลงมาด้วยการใช้พื้นที่ว่างบริเวณตอนบนหน่วงน้ำเอาไว้ และตัดยอดน้ำจากการรับน้ำเข้าระบบชลประทานฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกอย่างเต็มศักยภาพให้มากที่สุด ก่อนที่ปริมาณน้ำส่วนที่เหลือจะทยอยระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อลดผลกระทบในพื้นที่ตอนล่าง

สำหรับข้อเรียกร้องให้ไม่ระบายน้ำเพิ่มเข้าพื้นที่ ต.หัวเวียง และ ต.บ้านกระทุ่ม อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา นั้น กรมชลประทาน จะไม่รับน้ำเพิ่มเข้าพื้นที่แม่น้ำน้อยมากไปกว่าปัจจุบัน โดยจะคงการระบายไว้ในเกณฑ์ 120 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อลดผลกระทบให้กับพื้นที่ดังกล่าว และจะมีการติดตามประเมินสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับแผนการระบายน้ำรายวันให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำฝน-น้ำท่า เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุดต่อไป

ด้านสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เปิดเผยพื้นที่ 3จังหวัดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพฯ เป็นจุดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ จากการเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น มีโอกาสเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ต่างๆ แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ริมน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงและสีส้มตามแผนที่การวิเคราะห์ของ GISTDA เตรียมพร้อมขนย้ายของขึ้นที่สูงและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ที่ จ.อ่างทอง วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณสี่แยกไฟแดงป่าโมก อ.ป่าโมกพ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ไกรวีระเดชาชัย ผกก.สภ.ป่าโมก นำกำลังออกวางกรวยจราจรบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาป่าโมก 1 ช่องทางแบบสวนเลน เส้นทางเข้าตลาดป่าโมก ถนนสาย33 เส้นทางป่าโมก-สุพรรณบุรี เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน หลังจากน้ำเจ้าพระยาได้ไหลลอดไต้พนังกั้นน้ำเข้าท่วมพื้นที่ตลาดป่าโมกและถนนเส้น33ป่าโมก-สุพรรณบุรีต้องปิดการจราจร หลังจากน้ำท่วมสูง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสายวันเดียวกันสามารถเปิดการจราจรได้แล้ว 1 ฝั่งการจราจร และอีกฝั่ง ทางเจ้าหน้าที่ใช้รถแบ็คโฮทำแนวคันดินกั้นน้ำ ทยอยนำแบริเออร์และถุงบิ๊กแบ็คเข้าวางเสริมแนว เพื่ออุดรอยรั่วคันกั้นน้ำที่บริเวณเชิงสะพานป่าช่วยชะลอและลดปริมาณน้ำที่จะไหลเข้าสู่พื้นที่เศรษฐกิจ

ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ระบายน้ำ อัตรา 2,750 ลบ.ม.ต่อวินาที ไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา จ.อ่างทอง ที่บริเวณหน้าศาลากลาง จ.อ่างทอง ระดับน้ำสูง 9.40 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 8 เมตร จากระดับตลิ่งที่มีเขื่อนกั้นน้ำ 10 เมตร ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,567ลบ.ม.ต่อวินาที

ส่วนที่ จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ ต.บ้านปทุม อ.สามโคก พบว่าสถานการณ์น้ำอยู่ในภาวะวิกฤต โดยระดับน้ำเอ่อขึ้นมาถึงริมถนนปทุมธานี-สามโคก ฝั่งตะวันออกแล้ว โดยส่งผลกระทบต่อประชาชนใน อ.สามโคก ได้แก่ ต.บ้านปทุมต.เชียงรากใหญ่ และ ต.เชียงรากน้อย มีน้ำเอ่อล้นแนวเขื่อนกั้นน้ำและไหลเข้าท่วมพื้นที่วัดบางแห่งแล้ว

นางอัมราพร เรืองจันทร์ อายุ 53 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว เปิดเผยว่า ช่วง 3 วันที่ผ่านมา ระดับน้ำขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้การเข้า-ออกบ้านเป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องตัดสินใจขนข้าวของไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านญาติก่อนและชาวบ้านต่างต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการนำถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร มาทำเป็นสะพานชั่วคราว เพื่อใช้สัญจรเข้าออกบ้านไปพลางก่อน เพื่อรอการช่วยเหลือจากภาครัฐ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top