วันจันทร์ ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
กทม. - สธ. รวมพลังป้องกันฝุ่น PM2.5 มอบหน้ากาก N95 - ‘มุ้งสู้ฝุ่น’ ให้กลุ่มเสี่ยงทำงานกลางแจ้ง กลุ่มภาวะพึ่งพิง-ผู้ป่วยติดเตียง เชื่อมระบบเฝ้าระวังปกป้องชาวกรุงให้มีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
วันที่ 10 พ.ย.68 นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดงานรณรงค์รวมพลังป้องกันฝุ่น PM2.5 “รู้ทันฝุ่น PM2.5 เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน” พร้อมมอบหน้ากากอนามัย N95 และมุ้งสู้ฝุ่น จำนวน 200 ชุด ให้กับกลุ่มเสี่ยงที่ทำงานกลางแจ้งและกลุ่มเสี่ยงที่มีภาวะพึ่งพิงหรือผู้ป่วยติดเตียง เพื่อช่วยลดการสัมผัสฝุ่น PM2.5 โดยมี แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย นายแพทย์เอนก มุ่งอ้อมกลาง รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และวินจักรยานยนต์รับจ้าง ร่วมงาน ที่ อาคารทำการศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง
นายพัฒนา กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาฝุ่น PM2.5 จึงมีการดำเนินนโยบายและมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยมุ่งเน้นไปที่การลดปริมาณฝุ่นที่ต้นทาง ทั้งการควบคุมการเผา การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด และการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขได้มีมาตรการรองรับ ได้แก่ 1. การสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ 2. ลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ 3. จัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข และ 4. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ผ่านการยกระดับศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (PHEOC)
สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้กำหนดแนวทาง “สุขภาพดี วิถีปลอดฝุ่น” มุ่งเน้นการป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพจากมลพิษทางอากาศ โดยร่วมกันพัฒนาและเชื่อมโยงระบบเฝ้าระวังคุณภาพอากาศและสุขภาพประชาชน ผ่านแอปพลิเคชัน AirBKK และ 4Health การคุ้มครองสุขภาพประชาชนกลุ่มเสี่ยง เช่น สนับสนุนหน้ากากกันฝุ่น PM2.5 สำหรับเจ้าหน้าที่ภาคสนามและกลุ่มอาชีพที่ต้องอยู่กลางแจ้ง การตรวจสุขภาพกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 การขยายบริการคลินิกสู้ฝุ่นในโรงพยาบาลต่าง ๆ และการสนับสนุน “มุ้งสู้ฝุ่น” ให้กับกลุ่มผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุในพื้นที่ รวมถึงดำเนินการเชิงรุกในการสร้างองค์ความรู้ รณรงค์ประชาสัมพันธ์ในชุมชน โรงเรียน และสถานประกอบการ เกี่ยวกับวิธีป้องกันผลกระทบจากฝุ่นในชีวิตประจำวัน และบูรณาการเชิงนโยบายและแผนปฏิบัติการร่วมกัน เพื่อลดการเจ็บป่วยจากโรคทางเดินหายใจ และเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพเชิงรุกของประชาชนในเขตเมือง ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ จะเน้นสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักเกี่ยวกับผลกระทบทางสุขภาพจากฝุ่น PM2.5 พร้อมส่งเสริมให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ทำงานกลางแจ้ง ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ดูแล สามารถป้องกันตนเองได้อย่างถูกวิธี
นายชัชชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครได้ดำเนินการเรื่อง PM2.5 มาตลอด ไม่ใช่เรื่องที่มาทำช่วงซีซั่นที่ฝุ่นจะมา แต่เรามีการเตรียมการมาตลอดทั้งปี มีการประกาศให้กรุงเทพมหานครเป็นเขตควบคุมมลพิษ ทำให้ผู้ว่าฯมีอำนาจในการออกกฎหมายที่เข้มแข็งขึ้น มีการพยากรณ์แจ้งเตือนฝุ่นที่ละเอียดและประกาศเตือน หาเครือข่าย ช่วงฝุ่นจะเยอะ ประกาศให้ WFH ลดการปริมาณจราจรลง ปีที่แล้ว ประกาศช่วงวาเลนไทน์ การจราจรลดลง 14% มีการประกาศพื้นที่ Low Emission Zone ลดฝุ่นในพื้นที่หนาแน่น มีแคมเปญรถคันนี้ลดฝุ่น เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง-ไส้กรอง มีการทำห้องเรียนปลอดฝุ่นในศูนย์เด็กเล็กในโรงเรียนต่างๆ มีเป้าหมายทำ 1,966 ห้อง ทำไปแล้วประมาณ 50% มีเกษตรปลอดฝุ่น ให้ยืมรถอัดฟางเพื่อลดการเผาตอซัง มีการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว ปลูกไป 2 ล้านต้นแล้ว หมดวาระคงได้ประมาณ 3 ล้านต้น และมีโครงการต่างๆ ที่ต้องบูรณาการกันและต้องทำทั้งปี
“หัวใจคือการบูรณาการกัน เพราะ กทม. มีเตียงโรงพยาบาลของเราอยู่แค่ประมาณ 13% ที่เหลือเป็นของกระทรวงสาธารณสุข โรงเรียนแพทย์ต่างๆ ระบบสาธารณสุขของ กทม. หลายคนนึกว่าเข้มแข็ง แต่เชื่อว่าเรายังแพ้หลายจังหวัด ต้องบูรณาการกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับ กทม. ให้เข้มแข็งขึ้น ช่วงโควิดที่ผ่านมามีการบูรณาการก็ทำให้เรารอดพ้นช่วงวิกฤตมาได้ แต่เรื่อง PM2.5 เป็นเรื่องใหญ่ ที่บั่นทอนทั้งสุขภาพ และเศรษฐกิจ กรุงเทพฯเรามีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างจากจังหวัดอื่น เรามีพี่วินมอเตอร์ไซค์อยู่ประมาณ 90,000 คน จะเป็นกลุ่มเสี่ยงหนักเพราะอยู่ด้านนอกต้องเจอฝุ่นละอองตลอด วันนี้แสดงถึงความร่วมมือกัน ต้องขอบคุณทางกระทรวงสาธารณสุข สำหรับหน้ากากและ ‘มุ้งกันฝุ่น’ ซึ่งได้ผลดีจะช่วยกลุ่มเปราะบางได้เยอะ เพราะเรามีกลุ่มเปราะบางที่สภาพบ้านอาจไม่ได้มีการป้องกันไม่มีห้องที่ปลอดฝุ่น มุ่งก็จะเป็นตัวช่วยได้ ก็จะรับไปขยายผลต่อ ผมว่านี่เป็นหัวใจเลย เราทุกคนควรจะมีสิทธิ์ขั้นพื้นฐานที่มีอากาศสะอาดหายใจ“ นายชัชชาติ กล่าว
นายแพทย์เอนก กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ได้พัฒนาระบบการแจ้งผู้ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่น PM2.5 แจ้งผ่าน Line OA EnvOccLaw เมนูสายลับสู้ฝุ่น เพื่อแจ้งสถานที่ที่มีฝุ่น PM2.5 สูง อาการต่างๆ จำนวนคนที่มีอาการเดียวกันเพื่อเฝ้าระวังการป่วยเป็นกลุ่มก้อน ระยะเวลาที่มีอาการ โดยกรมควบคุมโรคจะนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผนดำเนินงาน การสอบสวนโรค และดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป
แพทย์หญิงอัมพร กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ปีที่ผ่านมา มีช่วงวิกฤตตั้งแต่ 1 พ.ย.67 - 31 พ.ค.68 ค่าฝุ่น PM2.5 เฉลี่ย 24 ชม. 30 มคก./ลบ.ม. เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากปีก่อน สำหรับพื้นที่กทม. และปริมณฑล ต้องเฝ้าระวังช่วงเดือน ธันวาคม - กุมภาพันธ์ เนื่องจากสภาพอากาศและได้รับผลกระทบจากฝุ่นที่เกิดจากการเผาในพื้นที่โล่งโดยรอบ กรมอนามัยได้มอบให้ทีมปฏิบัติการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือ SEhRT ทุกเขตสุขภาพออกสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพแก่ประชาชน และเตรียมยกระดับการปฏิบัติการหากสถานการณ์ฝุ่นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ผ่านทางเว็บไซต์ http://air4thai.pcd.go.th หรือแอปพลิเคชั่น“Air4Thai” หรือ “Life dee”
036
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี