ระทึกริมเจ้าพระยา! กทม.เตือนภัยระวังท่วมฉับพลัน หลังกรมชลฯปล่อยน้ำพุ่ง ‘กรุงเก่า/อ่างทอง’บักโกรก

ระทึกริมเจ้าพระยา! กทม.เตือนภัยระวังท่วมฉับพลัน หลังกรมชลฯปล่อยน้ำพุ่ง ‘กรุงเก่า/อ่างทอง’บักโกรก

วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ระทึกริมเจ้าพระยา!
กทม.เตือนภัยระวังท่วมฉับพลัน
หลังกรมชลฯปล่อยน้ำพุ่ง
‘กรุงเก่า/อ่างทอง’บักโกรก

กรุงเทพมหานคร เตือนประชาชน ริมฝั่งเจ้าพระยา รับมือน้ำท่วมหลังกรมชลประทานประกาศปล่อยน้ำในเขื่อนเจ้าพระยา มากกว่า 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่อ่างทองยังไม่พ้นภัย ตลาดป่าโมกบักโกรก การจราจรแทบเป็นอัมพาต

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 เพจกรุงเทพมหานครแจ้งเตือนภัย ว่าเขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำมากกว่า 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จากเดิมปล่อยไม่เกิน 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที


ขอให้ประชาชนที่อาศัยนอกแนวเขื่อน ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด  หากพบปัญหาน้ำท่วมขัง สามารถแจ้งได้ที่ โทร. สายด่วน 1555 Line @Traffyfondue ศูนย์ประสานงานน้ำท่วม กทม.

. วันเดียวกันกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 18 เรื่อง พายุ “คัลแมกี” และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยหย่อมความกดอากาศต่ำที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชัน “คัลแมกี” (KALMAEGI) ปกคลุมบริเวณด้านตะวันตกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีแนวโน้มจะเคลื่อนผ่านภาคกลางตอนบน และภาคเหนือ ตามลำดับ

จากอิทธิพลดังกล่าว ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 8–9 พ.ย.68 ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางพื้นที่ บริเวณด้านตะวันตกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคเหนือตามลำดับ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง สำหรับเกษตรกรควรป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีก 1 วัน

ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือโทร 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ตลาดป่าโมกจมบาดาล

ด้านตลาดป่าโมกจมบาดาล หลังคันกั้นบริเวณชุมชนย่อยที่ 3 หมู่ที่ 2 ต.ป่าโมก จ.อ่างทอง พังทลายซ้ำสอง ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมถนน 33 ป่าโมก-สุพรรณบุรี สูงกว่า 1 เมตร ทะลักเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว รถที่สัญจรไปมาต้องลุยน้ำที่ท่วมสูงจนบางคันดับ รวมถึงโรงเรียนอนุบาลวงศ์สวัสดิ์ ที่อยู่ในตลาดป่าโมกมีน้ำเข้าท่วมสูง เจ้าหน้าที่และเด็กนักเรียนจากโรงเรียนวัดโบสถ์วรดิตถ์ ช่วยกันขนย้ายทรัพย์สินขึ้นไปที่สูง ทหารจากกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 รอ.ลพบุรี เร่งช่วยชาวบ้านอพยพ ขณะที่เทศบาลเตรียมตั้งแนวคันดินชั้นที่สามกู้วิกฤติ ภาพรวมจังหวัดอ่างทอง น้ำท่วมแล้ว 4 อำเภอ จากทั้งหมด 7 อำเภอ รวมกว่า 5,000 หลังคาเรือน

ซ้ำเติมวิกฤตชาวบ้านสามโคก

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในเขต อ.สามโคก จ.ปทุมธานี พบว่ามีน้ำเข้าท่วม บ้านเรือนประชาชน วัด โรงเรียนอีกครั้ง หลังเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มระดับการปล่อยน้ำเป็น 2,700 ลบ.ม/วินาที โดยระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร

หลังจากเมื่อ 3 วันก่อน ระดับน้ำได้ลดลงจนเกือบปกติหลายแห่งได้รื้อกระสอบทราย คันกันน้ำและสะพานที่สร้างชั่วคราวออกเพราะคิดว่าระดับน้ำปกติ ตอนนี้ประชาชนในหลายพื้นที่ต้องหันกลับมาใช้โฟมและเรือในการสัญจรเข้าออกเพราะระดับน้ำที่สูงขึ้นมากจนไม่สามารถเดินลุยน้ำได้

จากการสอบถาม นางสมศรี ธัญเพชรไพบูรณ์ อายุุ 56 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 2 ต.สามโคก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ที่กำลังขนอิฐบล็อคขึ้นบนโฟมเข้าบ้านอีกครั้งหลังจากรื้อออกตอนน้ำลง โดย นางสมศรี ได้กล่าวว่าน้ำท่วมตั้งแต่เดือนกันยายน ท่วมแบบไปได้มาได้ รอบนี้ต้องใช้เรือและใช้โฟม จริงๆ น้ำลดไปแล้วประมาณ 3-4 วัน เก็บล้างบ้านไปแล้ว มันกลับมาอีกรอบหนักกว่าเดิม ที่กั้นน้ำก็ทุบออกไปแล้ว เพราะเห็นว่าน้ำลด เลยต้องก่อที่กั้นน้ำใหม่ ก่อทุกวัน วันละชั้นตามระดับน้ำ

นนทบุรีเสริมกระสอบทราย

ที่ ท่าน้ำนนทบุรี ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี หลังจากเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มการระบายน้ำทำให้จังหวัดนนทบุรี มีปริมาณน้ำขึ้นสูงและประกอบกับมีน้ำทะเลหนุน ทำให้บริเวณลานของเขื่อนตลอดแนวมีน้ำท่วม เจ้าหน้าที่เทศบาลนครนนทบุรี ต้องเร่งนำกระสอบทรายมาวางเสริมแนวคันกั้นน้ำเพื่อเพิ่มความสูงของแนวคัน ตามจุดลุ่มต่ำและพื้นที่เสี่ยงเพื่อไม่ให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลเข้าท่วมเพื่อที่เศรษฐกิจ และชุมชน พร้อมเฝ้าระวังตามแนวคันกั้นน้ำติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีระยะทางยาว 10 กิโลเมตร ตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดเหตุฉุกเฉิน

สำหรับการระบายน้ำ เขื่อนเจ้าพระยา C.13 ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ การระบายน้ำ 380 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เขื่อนพระรามหกปริมาณน้ำไหลผ่าน ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สถานี C29B วัดกร่าง อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,451 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที น้ำขึ้นเต็มที่ เวลา 09:43 น. สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง 2.09 เมตร และน้ำลงเต็มที่ เวลา 14:03 น.สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง 1.56 เมตร ส่วนช่วงเย็น น้ำขึ้นเต็มที่ เวลา 18:24 น.สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง 1.81 เมตร

สุโขทัยระทมหนัก

สถานการณ์น้ำในจังหวัดสุโขทัยเข้าสู่ภาวะวิกฤต หลังได้รับอิทธิพลจากน้ำที่ล้นอ่างกักเก็บจาก แม่มอกและแม่รำพัน ซึ่งไหลมาบรรจบกันที่อำเภอเมืองสุโขทัย ส่งผลให้ระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมชุมชน บ้านเรือน พื้นที่การเกษตร วัด โรงเรียน รวมถึง โรงพยาบาลสุโขทัย ในเขตตำบลบ้านกล้วย (เมืองสุโขทัยฝั่งตะวันตก)

สถานการณ์ดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อการสัญจร โดยน้ำได้ท่วมถนนเส้นหลัก ได้แก่ ทางหลวงหมายเลข 12, ทางหลวงหมายเลข 101 และทางหลวงหมายเลข 125 ด้วยระดับน้ำท่วมสูงถึง 35-50 เซนติเมตร ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องประกาศปิดการจราจรในเส้นทางดังกล่าว

นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ได้ลงพื้นที่บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัยด้วยตนเอง พร้อมสั่งการให้ทุกฝ่ายเร่งระดมสรรพกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนโดยเร็วที่สุด และให้เร่งสูบน้ำเพื่อระบายลงสู่แม่น้ำยมและคลองต่าง ๆ

นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ สุโขทัยยังได้แจ้ง เตือนภัยขั้นสูงสุด หลังพบว่าระดับน้ำคลองแม่รำพันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำและพื้นที่ลุ่มต่ำในเขตเทศบาลตำบลบ้านกล้วย ตำบลธานี และตำบลเมืองเก่า รีบยกสิ่งของขึ้นที่สูง และเคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบางไปยังพื้นที่ปลอดภัยโดยเร่งด่วน

เชียงใหม่รับมือพายุ “คัลแมกี”

นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่ทะเลสาบดอยเต่า อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการรับมือพายุ “คัลแมกี” ที่จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะ อ.ดอยเต่า และ อ.อมก๋อย โดยมี นายศิริฉัตร บัวพุทธา หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 8 โครงการชลประทานเชียงใหม่ เข้าให้ข้อมูลและร่วมตรวจสอบสถานการณ์น้ำในพื้นที่ทะเลสาบดอยเต่าโดยพบว่าน้ำในทะเลสาบดอยเต่ามีปริมาณที่สูง และเริ่มขึ้นมาบนถนน และลานจอดรถ ส่วนบริเวณที่เคยเป็นร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก ของฝาก ก็ถูกน้ำท่วม ทำให้ต้องย้ายจุดไปตั้งร้านค้าจำหน่ายในจุดที่อยู่สูงมากขึ้น

นายเกื้อกูล กล่าวว่า สถานการณ์ในการเตรียมรับมือพายุ “คัลแมกี” โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ อ.ดอยเต่า และ อ.อมก๋อย ซึ่งจะได้รับผลกระทบประมาณ 40 - 60 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงของวันที่ 8 - 10 พ.ย. นี้ ทางเจ้าหน้าที่ของโครงการชลประทานเชียงใหม่ ก็ได้เฝ้าระวังและเร่งระบายน้ำ ดูแลเส้นทางน้ำต่างๆ เพื่อให้สามารถรับมือและการระบายน้ำของเขื่อน อ่างเก็บน้ำ และลำห้วยต่างๆ ให้ไหลลงสู่แม่น้ำสายหลักได้เป็นอย่างดี ลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน

ห่วงทะเลสาบดอยเต่า

ขณะเดียวกัน ที่ทะเลสาบดอยเต่า อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ มีน้ำไหลจากทะเลสาบไปยังเขื่อนภูมิพล ปริมาณ 48 ล้าน ลบ.ม. และยังมีแม่น้ำแจ่ม ไหลมาสมทบ รวมทั้งน้ำจากลุ่มน้ำปิงตอนบนที่ไหลมาที่ทะเลสาบดอยเต่า วันละ 50 - 60 ล้าน ลบ.ม. ขณะนี้เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีความจุเกิน 97 แล้ว คาดว่าภายใน 1 - 2 สัปดาห์ หากมีพายุฝนจาก “คัลแมกี” ที่จะเข้าสู่พื้นที่จังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ อ.ดอยเต่า และ อ.อมก๋อย ซึ่งจะได้รับผลกระทบ มีมวลน้ำที่จะไหลมาลงทะเลสาบดอยเต่าเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เขื่อนภูมิพล มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น

พื้นที่เสี่ยงภัยก็อยู่ที่ ต.ดงดำ อ.ฮอด และ ต.โป่งทุ่ง ต.บ้านแอ่ง อ.ดอยเต่า ก็จะได้รับผลกระทบจากน้ำระดับน้ำที่สูงของเขื่อนภูมิพล เข้าท่วมในพื้นที่ทางการเกษตร ส่วนโครงสร้างพื้นฐานของเกษตรกร บางส่วนก็ยังได้รับผลกระทบ มีการจมน้ำอยู่ ทางด้านท้องถิ่น ท้องที่ก็มีการประสานงานร่วมกัน เพื่อหาทางปรับที่จะเข้าไปสู่หมู่บ้านต่างๆ ให้การสัญจรยังเข้าถึงได้ ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ก็ได้เข้ามาประสานงานร่วมกันแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top