รวมพลังค้าน! สร้างฝายดักตะกอน'สารหนูแม่น้ำกก'ชี้แก้ปลายเหตุ จี้รัฐเจรจา'เมียนมา-ว้า'

รวมพลังค้าน! สร้างฝายดักตะกอน'สารหนูแม่น้ำกก'ชี้แก้ปลายเหตุ จี้รัฐเจรจา'เมียนมา-ว้า'

วันอังคาร ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 15.12 น.

ชัด! กรมฯน้ำบอกเองชาวบ้านไม่เอาฝายดักตะกอน เครือข่ายสิทธิมนุษยชนจี้ 'อนุทิน'ระดับเจรจาเมียนมา-ว้า

11 พฤศจิกายน 2568 ที่ห้องประชุมคชสาร ศูนย์การเรียนรู้และนันทนาการ สนามกีฬากลาง จ.เชียงราย กรมทรัพยากรน้ำจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นเพื่อทบทวนและกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาคุณภาพน้ำในพื้นที่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย โดยมี นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เป็นประธาน และนายโอภาส ถาวรรองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ นำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและนักวิชาการรับฟังความคิดเห็นและตอบคำถามจากภาคประชาชนที่เดินทางไปร่วมเป็นจำนวนมาก 


เช่น นางเตือนใจดีเทศน์ นักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม นายประณอม เชิมชัยภูมิกรรมการสมัชชาเชียงรายล้านนาแห่งความสุข นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต ฯลฯ หลังจากปรากฎข้อมูลชัดเจนว่ามีเหมืองแร่ทองคำแมงกานีส แรร์เอิร์ธ ฯลฯ หลายแห่งติดแม่น้ำกกและแม่น้ำสายในเขตอิทธิพลของเขตปกครองพิเศษที่ 2 (สหรัฐว้า) และรัฐบาลทหารเมียนมาในรัฐฉาน มีการปล่อยสารพิษโดยเฉพาะสารหนูลงในแม่น้ำและส่งผลกระทบต่อประเทศไทยด้าน จ.เชียงราย และจ.เชียงใหม่ มาตั้งแต่ต้นปี 2568 

ก่อนรับฟังความคิดเห็นนายหล้า พุ่มไพรระไหวชื่น ตัวแทนเครือช่ายสิทธิมนุษยชนเชียงรายพร้อมผู้ที่เข้าร่วมแสดงความเห็นดังกล่าว ได้ยื่นหนังสือผ่าน นายโอภาส เพื่อขอให้ส่งไปถึงนายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี โดยมีเนื้อหาแจ้งถึงสถานการณ์สารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกก จนมีการแจ้งเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำ จึงเรียกร้องให้ตรวจสุขภาพชาวบ้านริมฝั่งโดยด่วน ตรวจสอบคุณภาพน้ำ บ่อน้ำหรือน้ำบาดาล ตะกอนดิน พื้นที่เกษตรอย่างต่อเนื่อง และให้เร่งจัดหาแหล่งน้ำใหม่ ยุติการสร้างฝายดักตะกอนในแม่น้ำกก ยกเลิกข้อตกลงหรือ MOU แร่แรร์เอิร์ธกับประเทศสหรัฐอเมริกาเพราะจะเพิ่มปัญหาการปนเปื้อนในแม่น้ำอีก ให้มีการเจรจากับประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อปิดหรือยุติเหมืองแร่กำเนิดมลพิษ ฯลฯ 

ซึ่งรองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ได้รับเรื่องเพื่อส่งไปให้กับนายกรัฐมนตรีและอธิบดีต่อไป ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนได้นำป้ายคัดค้านบ่อดักตะกอนและยกเลิก MOU กับประเทศสหรัฐอเมริกาไปแปะหน้าภาพโครงสร้างบ่อดักตะกอนในแม่น้ำ การดักท่อนซุงและกอไม้ ฯลฯ ซึ่งจัดแสดงเอาไว้ด้านหน้าหอประชุม และเมื่อมีการเปิดให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นปรากฎว่าส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการจะสร้างบ่อดักตะกอนในแม่น้ำกก

นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กล่าวว่า จ.เชียงราย เคยมีการเก็บตัวอย่างน้ำในแม่น้ำกกตรวจ 15-17 จุด เดือนละ 2 ครั้งพบว่าทางตอนเหนือของฝายเชียงรายมีปริมาณสารหนูเกินมาตรฐานแต่ท้ายฝายลงไปมีน้อยกว่าหรือไม่เกินค่ามาตรฐาน จึงเป็นเพียงแนวคิดว่าฝายจะสามารถดักตะกอนและลดสารพิษที่มากับน้ำได้หรือไม่ 

อย่างไรก็ตาม นายหล้า กล่าวว่า ปัจจุบันชาวบ้านได้รับผลกระทบมากเพราะไม่กล้าสัมผัสน้ำต้องหาแหล่งน้ำใหม่ที่ยากลำบากขึ้น ส่วนการท่องเที่ยวก็มีคนไปท่องเที่ยวน้อยลงอย่างมากจาก 90% เหลือแค่ 10% โดยเฉพาะปางช้างบ้านรวมมิตร ต.แม่ยาวอ.เมืองเชียงราย ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำกกและเดิมมีช้างอยู่กว่า 20-30 เชือกปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 10 เชือกการจะนำน้ำมาให้ช้างก็ต้องกักน้ำลำห้วยแทนแม่น้ำกก ตนจึงเห็นว่ารัฐบาลควรเร่งเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านโดยด่วนส่วนการทำฝายดักตะกอนนั้นไม่เห็นด้วยเพราะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ

นายประณอม กล่าวว่า ภาครัฐทำงานไม่บูรณาการตนจึงเสนอให้ตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นทางการ มีกรรมการจาดหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องจึงจะแก้ไขปัญหานี้ได้ หากศูนย์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้จริงก็จะใช้เป็นแนวทางให้รัฐบาลนำไปเจรจากับประเทศเมียนมาที่เป็นที่ตั้งของเหมืองแร่ต่างๆ ถ้าไม่ทำก็สงสัยว่าจะรอให้ประชาชนเจ็บป่วยเหมือนโรคมินามาตะในประเทศญี่ปุ่นหรือ ส่วนกรณีจะมีการสร้างฝายดักตะกอนนั้นตนไม่เห็นด้วยเพราะยังไม่เคยมีทำที่ประเทศใดบ้างและไม่มีการพิสูจน์ว่าจะได้ผลดี ในฐานะประชาชนเห็นว่าดักตะกอนได้เฉพาะฤดูแล้งส่วนฤดูฝนก็ดักไมได้ อีกปัญหาหนึ่งคือจะเกิดตะกอนที่ปนเปื้อนสารพิษอยู่ตรงหน้าฝายและสิ่งที่เคยได้ยินคือจะมีการนำทิ้งห้ห่างออกไป 100 กิโลเมตร ก็สงสัยว่าจะเป็นการกระจายสารพิษออกไปอีกหรือไม่

ด้านนายโอภาส กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้เป็นการนำข้อคิดเห็นของประชาชนไปเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาตามนโยบายของกรมทรัพยากรน้ำที่จะทำก่อนจะดำเนินการโครงการใดๆ โดยก่อนหน้านี้ได้ไปรับฟังความเห็นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ พบว่าประชาชนไม่ต้องการให้สร้างฝายดักตะก่อนซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้รับเรื่องไว้แล้ว จึงยืนยันว่ายังไม่มีแนวทางจะสร้างฝายดักตะกอนหากว่าประชาชนไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ว่าถ้าประชาชนไม่เอาเรื่องใดใดเราก็ไม่เอาเช่นกัน ดังนั้นจึงยืนยันด้วยว่ากรมทรัพยากรน้ำไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับประชาชนแต่เรามาเพื่อรับฟังความคิดเห็นเพื่อจะนำไปแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ส่วนกรณีสร้างฝายดักตะกอนก็คงจะไม่มีเพราะหากจะมีต้องมีขั้นตอนมากมายเช่น ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม และอื่นๆ ฯลฯ.

012

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top