วันพุธ ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
เหล้านอกราคาถูก! จี้รัฐเก็บภาษีเพิ่ม90% ปกป้องสุขภาพคนไทย

เหล้านอกราคาถูก! จี้รัฐเก็บภาษีเพิ่ม90% ปกป้องสุขภาพคนไทย

วันพุธ ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 13.29 น.
Tag : นโยบายภาษีเหล้า ภาษีสรรพสามิตเหล้า ราคานำเข้าเหล้านอก สุรานำเข้า เหล้านอกทะลักเข้าไทย เหล้านอกราคาถูก เหล้านอกลดราคา เหล้านอก FTA ไทยอียู
  •  

ภาคประชาชนชี้ FTA ไทยอียู ทำเหล้านอก ทะลักเข้าไทย 100 - 300% ราคาถูกลง 20-25% ส่งผลคนไทย ดื่มเหล้าเพิ่มขึ้น กระตุ้นนักดื่มหน้าใหม่ อื้อจี้รัฐดึงโมเดลเวียดนามคุมเข้ม เก็บภาษีสรรพสามิตจาก 65% เป็น 90% ปกป้องสุขภาพคนไทย 

12 พฤศจิกายน 2568 เครือข่ายองค์กรงดเหล้า มูลนิธิเมาไม่ขับ มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว มูลนิธิชีววิถี มูลนิหญิงชายก้าวไกล พร้อมเครือข่ายภาคประชาชน จัดเวทีสาธารณะ เรื่อง ผลกระทบและข้อเสนอภาคประชาชนต่อการเจรจาการค้า FTA Thai - EU กรณีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมจัดแสดงละครสั้น ชุด "ยักษ์น้ำเมาอียู" โดยเครือข่ายละครเฉพาะกิจเธียเตอร์ สะท้อนการเข้ามาของทุนน้ำเมาอียู ที่เข้ามาสร้างผลกระทบต่อสังคมไทยในวงกว้าง


นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี กล่าวว่ามูลนิธิชีววิถีร่วมกับนักวิชาการจากหลายสถาบันทำการศึกษาผลกระทบจากการลงนามในความตกลง FTA กับอียูโดยหลายประเทศ เช่น เอกวาดอร์ โคลอมเบีย เปรู และเกาหลีใต้ พบว่ายุโรปมีความแข็งแกร่งด้านผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์มาก โดยมีความหลากหลายของแบรนด์เยอะมาก มีสุราประมาณ 30,000 ยี่ห้อ ไวน์ 70,000 ยี่ห้อ เบียร์และคราฟท์เบียร์กว่า 100,000 ยี่ห้อ ยุโรปครองส่วนแบ่งการส่งออกแอลกอฮอล์มากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก การลดภาษีเป็นศูนย์ทำให้เบียร์และเหล้าจากยุโรปถูกลง 20-25% ก่อให้เกิดผลกระทบ 2 ด้านคือ 1. ผู้ผลิตรายย่อยในแต่ละประเทศไม่สามารถแข่งขันได้ 2.การไหลทะลักของผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์จากยุโรปมากขึ้น 100-300% ซึ่งส่งผลให้ตัวเลขการนำเข้ารวมเพิ่มขึ้น 30-100% ภายใน 7-10 ปี และแน่นอนว่ากระตุ้นให้เกิดการดื่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักดื่มหน้าใหม่ ซึ่งประเทศไทยต้องเรียนรู้ว่าจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไรหากเจรจากับอียู

ด้าน นายแพทย์นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแยกเป็น 2 ส่วน เพราะ FTA เราต้องมาดูว่าจะมีการลดภาษีนำเข้าหรือภาษีสรรพสามิตที่เก็บในพื้นที่ เพราะถ้าเป็นภาษีนำเข้าจะเป็นในส่วนของศุลกากร ส่วนใหญ่ไม่เป็นการกีดกัน แต่ถ้าเข้ามาแล้วยังเก็บภาษีในอัตราของสรรพสามิต ซึ่งจะมีทั้งภาษีเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์และภาษีมูลค่าแอลกอฮอล์ ตนจึงเห็นว่า เดิมทางสรรพสามิตยืดหยุ่นให้โดยมีการลดภาษีไวน์เนื่องจากยังมีการเก็บภาษีศุลกากรสูง ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มเห็นแล้วว่าพอลดภาษีที่เกี่ยวข้องกับศุลกากรขาเข้าทำให้เริ่มมีไวน์ราคาถูกเข้ามาขาย ทำให้ผู้ผลิตไวน์ในประเทศมีปัญหาคู่แข่ง ที่สำคัญอาจจะกระตุ้นให้เกิดการบริโภคมากขึ้น จากที่เคยดูอัตราการเก็บภาษี ที่สรรพสามิตส่งตัวเลขให้มาที่เราเพื่อมาคำนวณอัตราการบริโภคพบว่ายอดเก็บภาษีต่อลิตรเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหมายถึงมีการบริโภคเพิ่มขึ้น แต่ในส่วนการเจรจาการค้าเสรีนั้นต้อง ไปดูในรายละเอียดว่าเขาว่าอย่างไรบ้างซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่เห็นรายละเอียด

"อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผลิตในประเทศไทย หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากต่างประเทศ เมื่อเข้ามาในประเทศไทย กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะบังคับใช้อย่างเท่าเทียมกัน ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ที่เพิ่งออกมา ทั้งเรื่องการขาย การดื่ม การห้ามโฆษณาต่างๆ แต่ที่ยังต่างกันอยู่คือเรื่องของฉลาก ซึ่งเป็นข้อพิพาทมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว แต่ถ้าเราไปออกหรือเขียนข้อกฎหมาย ขึ้นมาเพิ่มเติมเพื่อกำกับเฉพาะผลิตภัณฑ์ จากต่างประเทศอาจจะมีปัญหาเรื่องการกีดกัน ก็จะมีปัญหาโดนฟ้องร้องอีก แต่มาตรการหลังบริโภคแล้ว จะมีมาตรการอะไรควบคุมไม่ให้เกิดการดื่มเกินพอดี ซึ่งต้องควบคุมให้เป็นมาตรฐานเดียวไม่ว่าจะเป็น FTA หรือไม่ก็ตาม จะต้องทำให้ไม่เกิดการบริโภคจนกระทั่งกลายเป็นภาระหรือปัญหาตามมา" นายแพทย์นิพนธ์กล่าว

ขณะที่ รศ.ดร.นพ.อุดมศักดิ์ แซ่โง้ว สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กล่าวว่า ข้อกังวลที่สำคัญหากรัฐบาลไทยยอมตกลงตามเงื่อนไขของ Thailand-EU FTA จะทำให้เหล้า เบียร์ ไวน์ รวมถึงผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ ใหม่ๆ ที่มีราคาถูกลงจะทะลักเข้าสู่ตลาดไทยมากขึ้น จะเป็นตัวดึงดูดให้นักดื่มมาลองดื่มตามกระแส ในขณะที่ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 เพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อ 8 พ.ย. 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการผ่อนคลายให้มีการประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้มากกว่าเดิม จึงยิ่งกังวลว่าจะทำให้มีนักดื่มเพิ่มขึ้นในประเทศไทย และนำไปสู่ผลกระทบต่อสุขภาพและสังคมไทยมากขึ้น และกระทบกับเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะรายย่อยในประเทศไทย ได้รับผลกระทบ ไม่เป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลพยายามจะส่งเสริมลดการผูกขาด ธุรกิจแอลกอฮอล์ในประเทศไทยได้

รศ.ดร.นพ.อุดมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 และ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568 แม้มีการผ่อนคลายมาตรการลงบ้างในการแก้ไข พ.ร.บ. ครั้งล่าสุด แต่ในภาพรวมถือว่ายังมีมาตรการที่เข้มข้น มีการควบคุมทั้งฉลาก คำเตือน วิธีการขาย สถานที่และเวลาขาย ควบคุมการทำโฆษณาและการตลาด เพื่อป้องกันและควบคุมผลกระทบต่อสังคมและสุขภาพจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ในมุมมองของการเจรจาทางการค้า กฎหมายลักษณะนี้มักถูกตีความเป็นอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (Technical Barriers to Trade) ซึ่งการเจรจาเพื่อตกลง FTA อาจมีการกำหนดให้รัฐบาลไทยลดมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงจากเดิมไป ที่น่ากังวล คือ การกำหนดรายละเอียดมาตรการควบคุมต่างๆ ผ่านการออกกฎหมายลูก ซึ่งเป็นการใช้อำนาจภายใต้องคาพยพของฝ่ายบริหารเป็นหลักซึ่งหมายถึงว่า รัฐบาลสามารถแก้ไขได้ง่าย การผ่อนคลายมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงภายใต้ข้อตกลง FTA ก็จะนำไปสู่ผลกระทบต่อสุขภาพและสังคมที่มากขึ้นตามมา

ขณะที่นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า ปัญหาผลกระทบจากการเจรจาการค้าเสรีหรือ FTA ไทย-EU จะส่งผลกระทบจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย เพราะจะซ้ำเติมการผ่อนปรนมาตรการในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. 2568  เช่น การโฆษณาก็สามารถทำได้มากขึ้นกว่าเดิมภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดในกฎหมายลูก สามารถให้ขายดื่มในสถานที่ราชการได้ โดยขออนุญาตเป็นครั้งคราว การขายโดยเครื่องอัตโนมัติที่ยืนยันตัวตนผู้ซื้อ เป็นต้น และเมื่อมาเจอประเด็นที่ 2 คือ  FTA จึงกลายเป็นขนมจีนผสมน้ำยา เพราะ FTA จะทำให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ราคาถูกลง ก็จะทำให้ปัญหาเรื่องการบริโภค เรื่องสุขภาพ อุบัติเหตุตามมาแน่นอน

"ถ้ารัฐบาลมีนโยบายให้เศรษฐกิจท่องเที่ยวเจริญ เมื่อมีการแก้ พ.ร.บ.ไปแล้วหรือมีการตกลง FTA จากนี้ก็ต้องมีมาตรการควบคุม เช่น บทลงโทษการเมาแล้วขับต้องหนักขึ้นหรือไม่ เหมือนประเทศยุโรป ที่เขาสามารถกินดื่มได้อย่างเสรี แต่มีมาตรการคุมเข้ม ถ้าละเมิดกฎหมายขายให้เด็ก ขายให้คนที่เมาแล้วสถานประกอบการจะต้องรับผิดชอบอย่างไร ถ้าเมาแล้วขับไปชนคนเจ็บจะต้องถูกลงโทษอย่างไร ก็จะทำให้คนกลัวและเคารพกติกา หรือที่สิงคโปร์ เวียดนาม เกาหลี นักดื่มก็ไม่แพ้ไทยแต่เขามีกฎหมายคุมเข้ม เช่นเกาหลีสื่อสารผ่านละครต่างๆ ก็มีฉากการดื่ม แต่จะเห็นว่าคนที่ดื่มไม่มีการขับรถเด็ดขาด ซึ่งสะท้อนมาจากวิถีชีวิตจริงๆ ของเขา แต่ของเราไม่มีแบบนี้พอดื่มเสร็จก็ขับความรับผิดชอบต่อตัวเองไม่มี ความรับผิดชอบต่อสังคมก็ไม่มี แถมยังมีระบบคอร์รัปชั่น ระบบอุปถัมภ์ช่วยเหลือพรรคพวก เลยทำให้คนไม่กลัวกฎหมาย ดังนั้นเมื่อคุณแก้กฎหมาย เสรีมากขึ้นแถมยังมี FTA ทำให้แอลกอฮอล์ราคาถูกลง แล้วยังไม่มีการควบคุมให้เข้ม ปัญหาจะยิ่งเพิ่มขึ้นทวีคูณ" นายสุรสิทธิ์ กล่าว

Mr. Son Dao Principal Technical Advisor Vital Strategies กล่าวว่าความตกลงการค้าเสรีเวียดนาม-สหภาพยุโรป (EVFTA) ยังไม่อาจประเมินได้อย่างชัดเจนเพราะยังไม่มีผลโดยสมบูรณ์ แต่ข้อมูลบางส่วนแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่การนำเข้าผลิตภัณฑ์บางประเภท เช่น ไวนน์ จากสหภาพยุโรปที่อาจเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขของเวียดนามอาจต้องมีบทบาทมากขึ้น อย่างไรก็ตามขณะนี้มีมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการใช้แพ็กเกจ SAFER โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ ภาษีสรรพสามิต (Excise tax) โดยเพิ่มภาษีสรรพสามิตผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จาก 65% ในปี 2027 เป็น 90 % ในปี 2031 ซึ่งประเทศไทยอาจใช้แนวทางดังกล่าวควบคู่กับการกำหนดมาตรการอื่นๆ ไปพร้อมกันได้

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

มาตรฐานเดียว!ดูแลเข้มแข็งแข่งซีเกมส์

​‘โตโต้’อุบชื่อนักการเมือง‘ส.’ เอี่ยวเว็บพนันเพิ่ม ขอรอเปิดพรุ่งนี้

‘นายกฯ’ยันรัฐบาลไม่ทอดทิ้งชาวบ้านน้ำท่วม เตรียมงบจ่ายชดเชยรายเดือนพื้นที่รับน้ำจนกว่าน้ำลด

‘ทวี’แจ้นโยน‘ดีเอสไอ’ ตอบปมพยานกลับคำให้การ‘คดีฮั้ว สว.’

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved