‘ผู้ว่าฯชัชชาติ’ย้ำไม่น่าห่วง! น้ำเจ้าพระยาผ่านจุดสูงสุดแล้ว พร้อมรับมือน้ำเหนือ-น้ำหนุน

‘ผู้ว่าฯชัชชาติ’ย้ำไม่น่าห่วง! น้ำเจ้าพระยาผ่านจุดสูงสุดแล้ว พร้อมรับมือน้ำเหนือ-น้ำหนุน

วันพุธ ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 17.18 น.

"ผู้ว่าฯชัชชาติ"ย้ำไม่น่าห่วง! น้ำเจ้าพระยาผ่านจุดสูงสุดแล้ว กทม.มั่นใจพร้อมรับมือน้ำเหนือ-น้ำหนุนได้ ไม่มีซ้ำรอยปี 54 ส่งกําลังใจพี่น้องต่างจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงถึงความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำเหนือและน้ำหนุนในส่วนของกรุงเทพมหานคร โดยมีผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ ร่วมให้ข้อมูล ณ ท่าเรือสะพานพุทธ เขตพระนคร


ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สถานการณ์น้ำหนุนในช่วงเดือนนี้ไม่น่าเป็นห่วงแล้ว เนื่องจากได้ผ่านวันที่มีน้ำหนุนสูงสุดคือ 8 พ.ย.68 ไปแล้ว ซึ่งจะมีน้ำหนุนขึ้นสูงสุดอีกครั้งในวันที่ 20 ธ.ค.68 แต่ไม่สูงมาก ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำเหนือที่น่าจะบรรเทาลง ประกอบกับถ้าไม่มีพายุลูกใหม่เข้ามาสถานการณ์ก็จะคลี่คลายขึ้น รวมถึงที่ผ่านมา กทม.มีการปรับปรุงโครงสร้างประตูระบายน้ำที่เคยมีปัญหาในปี 54 ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น จึงทำให้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ จึงไม่น่าเกิดขึ้นแบบปี 54

ที่น่าเป็นห่วงคือชุมชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ 11 ชุมชน ประมาณ 300 หลังคาเรือน โดย กทม.เข้าไปดำเนินการสร้างสะพานไม้และแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้แล้ว ส่วนเรื่องแนวกระสอบทรายป้องกันน้ำท่วมล้ม ซึ่งเกิดจากปัญหาเรือแล่นเร็วทำให้เกิดคลื่นสูงมากระแทกแนวกระสอบทรายล้ม ได้ประสานงานกับกรมเจ้าท่า จัดเจ้าหน้าที่ประจำตามจุดสำคัญ เพื่อคอยปรามผู้ที่ขับเรือเร็วทำให้เกิดคลื่นสูง นอกจากนี้ขอส่งกําลังใจให้พี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัดที่ไม่มีแนวคันกั้นน้ำแบบกรุงเทพมหานคร ทำให้ต้องได้รับผลกระทบจากน้ำเหนือที่ปล่อยจากเขื่อน ทำให้น้ำอาจเข้าไปท่วมในทุ่งหรือบ้านเรือน

ด้าน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า กทม.สร้างแนวเขื่อนป้องกันน้ำริมเจ้าพระยาไล่ระดับความสูงมาจากทางเหนือ เช่น พื้นที่ติดนนทบุรีจะมีเขื่อนกั้นน้ำสูงกว่า 3.5 เมตร ขณะนี้ที่เราอยู่กันที่สะพานพุทธฯ ปากคลองตลาด จะเห็นว่ามีแนวเขื่อนป้องกันน้ำริมเจ้าพระยาสูงประมาณ 3 เมตร ซึ่งน้ำเหมือนจะปริ่มล้นแนวเขื่อนกั้นน้ำ แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับเขื่อนกั้นน้ำอีกมากกว่า 80 ซม.ซึ่ง กทม.เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา จึงขอให้ประชาชนอุ่นใจไม่ต้องกังวล

ส่วนกรณีที่ ประชาชนเห็นภาพน้ำล้นเข้ามาจากแม่น้ำเจ้าพระยาจากสื่อโซเชียลต่างๆ เกิดจาก 2 สาเหตุ คือ 1.พื้นที่ฟันหลอของเขื่อนป้องกันน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่ง 3 ปีที่ผ่านมา มีพื้นที่ฟันหลอ 32 จุด ประมาณ 4 กม.ซึ่ง กทม.ดำเนินการแก้ไขไปแล้ว 22 จุด ประมาณ 2.6 กม.จึงเหลือพื้นที่ฟันหลออีกแค่ 10 จุดเท่านั้นที่เป็นพื้นที่เอกชน กทม.ต้องขออนุญาตก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำจึงจะสามารถดำเนินการได้ รวมถึงยังมีช่องเปิดต่างๆ เช่น บริเวณท่าเรือ ซึ่งเป็นที่สัญจรของประชาชนไม่สามารถสร้างเขื่อนกั้นน้ำปิดเส้นทางได้ กทม.จึงต้องใช้กระสอบทรายในการวางแนวกั้นน้ำแก้ไขปัญหา หากน้ำรั่วซึมเข้าไปก็สูบน้ำออกมา ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้กําชับให้ตรวจสอบแนวกระสอบทรายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้มีการรั่วซึม 2.พื้นที่แนวเขื่อนป้องกันน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีการรั่วซึม ซึ่งจากปี 65 พบประมาณ 120 จุด กทม.ได้ดำเนินการแก้ไขแล้วจนเหลือ 76 จุด ประมาณ 8 กม.ทำให้เกิดการรั่วซึมเป็นภาพน้ำท่วมที่เห็นกัน หากประชาชนพบปัญหาน้ำท่วม ท่อตัน ฝาท่อชำรุด น้ำเน่าเสีย สามารถแจ้งได้ที่ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร โทร. 02-248-5115 หรือ สายด่วน กทม. โทร.1555 หรือ แจ้งได้ที่ Traffy Fondue

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา ปัจจุบันประเทศไทยมีฝนลดลง เนื่องจากลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่างมีกำลังอ่อนลง ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นในตอนเช้าบางพื้นที่ และทำให้ปริมาณฝนในกรุงเทพมหานครลดลง และมวลอากาศเย็นจะมีกำลังแรงขึ้นในช่วง วันที่ 14 - 15 พ.ย.นี้เป็นต้นไป ทำให้ฝนไปตกบริเวณภาคใต้ ประกอบกับพายุโซนร้อนกำลังแรง “ฟงวอง” (FUNG-WONG) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มจะเคลื่อนขึ้นไปทางทิศเหนือ เข้าใกล้บริเวณเกาะไต้หวัน ในช่วงวันที่ 12 - 13 พ.ย.68 โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย

จากข้อมูลของสำนักการระบายน้ำ ปริมาณฝนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 10 พฤศจิกายน 2568 อยู่ที่ 1,750.5 มิลลิเมตร สูงกว่าค่าเฉลี่ยเพียงร้อยละ 6.6 ประกอบกับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง ข้อมูลจากกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ระบุว่าเดือนพฤศจิกายน น้ำทะเลหนุนสูงสุดที่บริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ (เขตบางกอกน้อย) ในวันที่ 9 พ.ย.68 ฐานน้ำทะเล ระดับ +1.36 ม.รทก. ระดับน้ำคาดหมาย +2.11 ม.รทก. ซึ่งกรุงเทพเทพมหานคร ตรวจวัดระดับน้ำจุดวัดปากคลองตลาด มีระดับ +2.25 ม.รทก. ซึ่งต่ำกว่าแนวเขื่อนป้องกันน้ำท่วมกว่า 75 เซนติเมตร ต่อจากนี้ระดับน้ำทะเลหนุนมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน กรมชลประทาน รายงานว่า ปริมาณการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 2,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งอยู่ในระดับที่แม่น้ำเจ้าพระยาสามารถรับได้อย่างปลอดภัย บริเวณจุดวัดสามโคก จังหวัดปทุมธานี พบว่ามีอัตราการไหลเฉลี่ย 2,400–2,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จากศักยภาพการรับน้ำสูงสุดที่ 3,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แสดงให้เห็นว่าระดับน้ำยังต่ำกว่าความจุสูงสุดมาก และไม่มีแนวโน้มที่น้ำเหนือจะท่วมเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อเป็นการไม่ประมาทขอให้ประชาชนเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด วานนี้ (11 พ.ย.68) ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จุดวัดปากคลองตลาด ระดับ +2.12 ม.รทก. ยังต่ำกว่าแนวเขื่อนป้องกันน้ำท่วมกว่า 88 เซนติเมตร

กรุงเทพมหานครได้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำทุกด้าน โดยสำนักการระบายน้ำได้ดำเนินมาตรการเชิงรุก 1.ลดระดับน้ำในคลองกว่า 1,980 คลอง และแก้มลิง 33 แห่ง ให้พร้อมรับน้ำฝน 2.ตรวจสอบความมั่นคงของแนวเขื่อนป้องกันน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา รวมระยะทางกว่า 80 กิโลเมตร 3.เฝ้าระวังจุดเสี่ยง แนวฟันหลอ 32 จุด (ซ่อมแล้วเสร็จ 22 จุด ที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการและของบประมาณเพิ่มเติม) 4.แก้ไขแนวรั่วซึมและช่องเปิดท่าเรือ เช่น ท่าราชวรดิษฐ์ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร และแนวถนนพระราม 3 ซึ่งได้ดำเนินการอุดรอยรั่วและเสริมแนวกระสอบทรายเพิ่มเติมแล้ว นอกจากนี้ ยังได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ประจำสถานีสูบน้ำ 200 แห่ง และบ่อสูบน้ำ 349 แห่ง รวมถึงเครื่องสูบน้ำกว่า 1,581 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำในจุดเสี่ยง พร้อมเครือข่ายโทรมาตรตรวจวัดระดับน้ำแบบเรียลไทม์ และเรดาร์ตรวจอากาศ 2 แห่ง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง

ในส่วนการดูแลชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำ สำหรับชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย และคลองมหาสวัสดิ์ ปัจจุบันมีจำนวน 11 ชุมชน 320 หลังคาเรือน ครอบคลุม 6 เขต ได้แก่ ดุสิต พระนคร บางคอแหลม ยานนาวา บางกอกน้อย และคลองสาน ซึ่ง กทม.ได้จัดเจ้าหน้าที่ลงติดตามระดับน้ำอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดจุดอพยพชั่วคราว เครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ และแนวทางช่วยเหลือเบื้องต้นในกรณีที่น้ำเอ่อล้นเข้าพื้นที่ พร้อมประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน รวมทั้งจัดโครงการฟื้นฟูชุมชนหลังน้ำลด เพื่อให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติอย่างรวดเร็ว

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top