วันพฤหัสบดี ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
จนท.อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ออกลาดตระเวนตามนโยบาย "รมว.ทส." รวบนายพรานแบกอาวุธปืน 2 กระบอก เตรียมล่าสัตว์ป่ากลางดึก ซุกกระสุนอีกเพียบ
วันนี้ (13 พ.ย.68) นายคุณากร บุญเกื้อสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ตามที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีนโยบายเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการบุกรุกพื้นที่และล่าสัตว์ป่าทั้งกลางวันและกลางคืน นายราชันย์ บัวตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) จึงได้กำชับสั่งการให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เพิ่มการลาดตระเวนพิทักษ์ป่า อย่างเข้มข้นตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาระดับสูง
โดยเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 68 เวลา 20.00 น.ตนได้มอบหมายให้นายอำพล ไหลยิ้ม พนักงานพิทักษ์ป่า พร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจส่วนกลาง นำกำลังออกลาดตระเวนด้วยรถจักรยานยนต์ไปตามเส้นทางรับผิดชอบ จนกระทั้งเวลา 04.40 น.รุ่งเช้าวันนี้ (13 พ.ย.) เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงบริเวณป่าพุตะแบก ท้องที่หมู่ 1 ต.แม่กระบุง อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นแสงไฟส่องทางอยู่บริเวณชายไร่ เจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มนายพรานเข้ามาลักลอบล่าสัตว์ป่า
.jpg)
ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงทำการซุ่มโป่งอยู่ชายป่า จุดที่แสงไฟกำลังมุ่งหน้ามาหา พบว่าเป็นชาย 1 ราย มีเป้สะพานหลัง 1 ใบ และสะพายอาวุธปืนยาวมาด้วยจำนวน 2 กระบอก เมื่อชายรายดังกล่าวมาถึงจุดซุ่มโป่ง เจ้าหน้าที่นำโดย นายอำพล ไหลยิ้ม พนักงานพิทักษ์ป่า จึงแสดงตัวพร้อมส่งสัญญาณเข้าจับกุมตัวเอาไว้ ทราบชื่อคือนายคม (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี ชาว ต.แม่กระบุง อ.ศรีสวัสดิ์
พร้อมตรวจยึดของกลาง 7 รายการ ประกอบด้วย อาวุธปืนลูกซอง 5 นัด (ไม่มีเลขทะเบียน) 1 กระบอก อาวุธปืนยาวเดี่ยวลูกกรด .22 LR (ไม่มีเลขทะเบียน) 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืนลูกซอง 5 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 44 นัด มีด 1 เล่ม เปลนอน 1 ผืน และไฟฉายคาดศรีษะ 1 อัน
.jpg)
หลังจากจับกุมตัวพร้อมยึดของกลางเอาไว้ได้ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ หลังจากจดทำบันทึกเรื่องราวแล้วเสร็จ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อกล่าวหา กระทำความผิดฐานนำเครื่องมือล่าสัตว์หรืออาวุธเข้าเขตอุทยานแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 19(7) ประกอบมาตรา 45 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ปรับ 2,000 บาท กำหนดชำระภายใน 30 วัน และฐาน มีอาวุธปืนและกระสุนไว้ในครอบครอง รวมทั้งพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
การจับกุมตัวผู้ต้องหาในครั้งนี้ นับว่าเป็นการจับกุมตัวได้ก่อนที่สัตว์ป่าจะถูกล่า ถือว่าเป็นการป้องกันทรัพยากรด้านสัตว์ป่าเอาไว้ได้ก่อนที่จะสูญหาย ได้เป็นอย่างดี โดยเจ้าหน้าที่ได้ฝากเตือนไปถึงกลุ่มนายพรานที่คิดจะเข้าลักลอบเข้าไปภายในเขตอุทยานฯเพื่อล่าสัตว์ป่า ให้ไตร่ตรองให้ดีและรอบคอบเสียก่อน เพราะปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้ออกลาดตระเวน เพื่อป้องกันทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าอย่างเข้มข้น หากฝืนกระทำความผิดแล้วถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ จะต้องถูกดำเนินคดีในอัตราโทษที่สูง ตาม พรบ.อุทยานฯ พ.ศ.2562 สิ่งสำคัญที่สุดคือนอกจากจะต้องติดคุกและถูกปรับแล้ว ครอบครัวและบุตรหลานของท่านจะต้องมาเสียใจกับการกระทำของตัวท่านเองอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี