​'ปานเทพ'ยื่นหลักฐาน DSI เพิ่มเติม ผลวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ'คดีแตงโม'

​'ปานเทพ'ยื่นหลักฐาน DSI เพิ่มเติม ผลวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ'คดีแตงโม'

วันพฤหัสบดี ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 16.03 น.

"ปานเทพ"ยื่นหลักฐาน DSI เพิ่มเติม ผลวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ"คดีแตงโม" ด้าน"พ.ต.ต.ณฐพล"คาดขยายผลสรุปสำนวนจากปลายเดือน พ.ย.เป็นไม่เกินกลางเดือน ธ.ค.68

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อม นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยา บาลพระมงกุฎเกล้า , นายเอกราช นามโภคิน เป็นผู้เชี่ยวชาญระบบ GPS , นายคมสัน โพธิ์คง นักกฎหมาย และ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ "แตงโม" เดินทางมายื่นเอกสารต่อ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้อํานวยการกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนที่ 20/2568 เพื่อมอบหลักฐานเป็นสำเนาเนื้อหา 67 หน้า ภาพถ่าย 4 ภาพ นำไปประกอบสำนวนคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา ซึ่งมีพฤติการณ์เป็นที่ต้องสงสัยว่ามีกลุ่มบุคคลส่วนต่างๆ ร่วมกันบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้การช่วยเหลือแก่บุคคลอื่นให้ไม่ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง


อ.ปานเทพ กล่าวว่า ตนในฐานะประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินได้รับมอบอำนาจจาก แม่แตงโม ให้มาช่วยในทางคดี พร้อมมอบพยานหลักฐานสนับสนุนให้กับดีเอสไอ เพื่อพิจารณาว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐได้กระทำผิดในกระบวนการยุติธรรมเพื่อช่วยเหลือคนบนเรือหรือไม่ หลังเราได้เอกสารสำคัญมาจากคดีตำรวจ 21 ราย ฟ้องนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ แต่ศาลยกฟ้อง และต่อมาเป็นเอกสารที่ถือว่าได้ยากที่สุด คือ พยานหลักฐานคำให้การและวัตถุพยานในคดีหลักของคนบนเรือ จึงทำให้เราได้หลักฐานจำนวนมาก นำมารวบรวมเรียบเรียง วิเคราะห์เหตุการณ์ทั้งหมดจนเชื่อว่ามีขบวนการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม บิดเบือนหลักนิติวิทยาศาสตร์ และมีการตระเตรียมพยานให้สร้างเรื่องหรือเกิดความเข้าใจว่าแตงโมตกเรือ และโดนใบพัดเรือ ซึ่งไม่สอดคล้องกับพยานที่อยู่ในมือของตน โดยมอบให้ ดีเอสไอ นำไปพิจารณาต่อยอดในสำนวนคดี

"ครั้งนี้ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาจะเป็นการตั้งคำถาม เพราะเราไม่เคยเห็นพยานหลักฐานในคดีเลยจริงๆ แต่ได้อำนาจจากคุณแม่ ทำให้เราสามารถเข้าถึงพยานหลักฐาน และวัตถุพยานที่เกิดเหตุทั้งหมดทำให้เราเห็นพิรุธจำนวนมาก และเราไม่ต้องตั้งคำถามแล้ว แต่นำข้อมูลที่เห็นว่าเป็นพิรุธเหล่านั้นผ่านกระบวนการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญหลายท่านแล้วนำส่งกรมสอบสวนคดีพิเศษให้วิเคราะห์ยืนยันว่าสิ่งที่เรานำมาถูกต้องครบถ้วน และนำไปสู่การแสวงหาความจริงและแสวงหาความยุติธรรมให้กับแตงโม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม" อ.ปานเทพ กล่าว

อ.ปานเทพ กล่าวอีกว่า ส่วนจะเป็นจุดเปลี่ยนหรือไม่นั้น นับตั้งแต่ได้พยานหลักฐานของคดีความหลัก ซึ่งคุณแม่ได้มีการเปลี่ยนทนายความและมอบหมายให้มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินเป็นผู้ดำเนินการและใช้ทีมทนายของเราทุกอย่าง ซึ่งจุดเปลี่ยน คือ หลักฐานในคดีถึงมือดีเอสไอและมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ และไม่มีใครสามารถเปลี่ยนพยานหลักฐานได้แน่นอน

ส่วนทาง นายคมสัน ระบุว่า ทางทีมงานได้มีการประชุม พร้อมวิเคราะห์ปากคำ หลักฐานที่อยู่ในสำนวนทั้งหมดเรื่องของการบิดเบือนหลักฐานในสำนวนคดี บิดเบือนผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ อาจมีการใช้พยานเท็จในสำนวน และมีหลักฐานหลายอย่างไม่ได้ถูกนำเข้าไปในสำนวน คือ จบในชั้นพนักงานสืบสวนแล้วก็ไม่ได้สอบสวนต่อ อย่างเห็นชัดเป็นหลักฐานความเห็นของผู้เชี่ยวชาญทางนิติวิทยาศาสตร์กลายเป็นไม่น่าเชื่อถือ เพราะทางฝ่ายพนักงานสืบสวนและอัยการเชื่อปากคำผู้ต้องหามากกว่า

ขณะที่ นางภนิดา เผยสั้นๆ ว่า ขอบคุณสื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าวแตงโม และขอบคุณทีมงาน อ.ปานเทพ และ ดีเอสไอ ที่ทำคดีแตงโม มาตลอด

ด้าน พ.ต.ต.ณฐพล เปิดเผยว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดีเอสไอลงไปเก็บข้อมูลเรื่องของตำแหน่ง GPS เรือ และตำแหน่งโทร ศัพท์ของคนบนเรือ ถือเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยวันพรุ่งนี้ (14 พ.ย.) จะได้ผลตรวจพิสูจน์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เป็นพยานหลักฐานจากภาพถ่าย ส่วนการสรุปสำนวนคดี หลังรับพยานหลักฐานเพิ่มเติมในวันนี้ก็อาจจะต้องสอบปากคำคุณแม่เพื่อประกอบสำนวนที่ส่งเอกสารมาให้ คาดว่าจะขยายผลสรุปสำนวนจากปลายเดือน พ.ย.เป็นไม่เกินกลางเดือน ธ.ค.68

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top