วันศุกร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
‘ตำรวจสอบสวนกลาง-กฟภ.’บุกอีสาน ค้น 9 จุด จับผู้ต้องหาลักไฟหลวง‘ขุดบิตคอยน์’ โกงค่าไฟกว่า 26 ล้านบาท
14 พฤศจิกายน 2568 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ผบก.ป. , พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ , พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. , พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. , พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง , พ.ต.ท.พงษ์พิทักษ์ เหล็กชูชาติ , พ.ต.ท.อภิมัณฑ์ บานชื่น , พ.ต.ท.ณัฐดนัย สีแข่ไตร และพ.ต.ท.ศิษฏ์ พูลวงศ์ รอง ผกก.3 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.กิตติภพ ทองเพชร , พ.ต.ต.สุวิจักขณ์ รัตนพันธ์ , ว่าที่ พ.ต.ต.ธีรศักดิ์ นามเขต , ว่าที่ พ.ต.ต.เอกสิทธิ์ อินทร์โท่โล่ สว.กก.3 บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) นำโดย 1.นายพิชัย กว้างขวาง ผู้อำนวยการกองบริการลูกค้า ฝ่ายวิศวกรรมและบริการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จังหวัดอุบลราชธานี และ 2. นายยอดธง ล้อวชิระวัฏฏ์ หัวหน้าแผนกมิเตอร์ กองบริการลูกค้า ฝ่ายวิศวกรรมและบริการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกันจับกุม นายอภินันท์ฯ อายุ 36 ปี ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” ที่บริเวณบ้านแห่งหนึ่ง ต.เมืองเหนือ อ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ ของกลางที่ตรวจยึด 1.เครื่องขุด Bitcoin96 เครื่อง 2.เร้าเตอร์ 9 ตัว 3.กล้องวงจรปิด 10 ตัว 4.โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง 5.คอมพิวเตอร์/Server 4 เครื่อง
สืบเนื่องจากกรณีต้นเดือนพฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ประสานกับ ตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดย กก.3 บก.ป. เกี่ยวกับการตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้าในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี พบว่ามีการลักลอบใช้ไฟฟ้าเพื่อนำไปใช้ขุดเหมืองเงินดิจิทัล จากการลักใช้กระแสไฟฟ้าโดยไม่ผ่านมิเตอร์ไฟฟ้า
พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.3 บก.ป. ติดตามขยายผลเพื่อจับกุมขบวนการเพราะสร้างความเสียหายแก่รัฐหลายล้านบาท จากการสืบสวนขยายผลร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ลงพื้นที่ตรวจสอบพบความผิดปกติหลายประการของกลุ่มลักลอบขุดเงินดิจิทัล ซึ่งมีลักษณะเป็นขบวนการและวางแผนอย่างเป็นระบบ จากการวิเคราะห์พยานหลักฐาน สามารถสรุปขั้นตอนหลักของการกระทำผิดได้ ดังนี้
1.เริ่มจากการจัดหาสถานที่ ผู้ต้องสงสัยมักเช่าโกดัง อาคารพาณิชย์ หรือบ้านร้างในพื้นที่ห่างไกล โดยใช้บุคคลนอมินีหรือบริษัทบังหน้าเป็นผู้ทำสัญญาและยื่นคำขอติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า เพื่อสร้างความชอบธรรมภายนอก แต่ภายในอาคารจะดัดแปลงให้เหมาะกับการติดตั้งเครื่องขุดเหมือง
2.ขั้นตอนการลักลอบใช้ไฟฟ้าอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านไฟฟ้า มี 2 วิธีหลัก คือ การต่อสายตรงจากสายเมนก่อนเข้ามิเตอร์ (Bypass) ทำให้ไฟที่ใช้จริงไม่ถูกบันทึก และการดัดแปลงมิเตอร์ (Tampering) เปิดฝาแก้ไขกลไกภายในหรือปรับให้มิเตอร์หมุนช้ากว่าปกติ ทำให้ปริมาณไฟที่บันทึกต่ำกว่าความเป็นจริง
3.สุดท้ายคือการอำพรางและปกปิด กลุ่มผู้กระทำผิดบุผนังเพื่อลดเสียงพัดลม, ซ่อนสายไฟในฝ้า/ชายคา, ระบายความร้อนออกด้านหลังหรือบนดาดฟ้า และติดตั้งกล้องวงจรปิดรอบอาคารเพื่อเฝ้าระวังการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ป. ร่วมกับ บก.ปอท., บก.ทล. และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า รวมกำลัง 70 นาย ได้เปิดปฏิบัติการ “กองปราบ x กฟภ. บุกอีสาน ค้น 9 จุด จับผู้ต้องหาลักไฟหลวงขุดบิตคอยน์ โกงค่าไฟกว่า 26 ล้านบาท” นำหมายศาลเข้าตรวจค้น 9 แห่งในพื้นที่ จ.อุบลราชธานีและจ.ศรีสะเกษ สามารถตรวจยึด เครื่องขุด Bitcoin 96 เครื่อง, เร้าเตอร์ 9 ตัว, กล้องวงจรปิด 10 ตัว และอุปกรณ์ควบคุมระบบจำนวนมาก รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 26 ล้านบาท
ทั้งนี้ จับกุมตัว นายอภินันท์ฯ อายุ 36 ปี แสดงตัวเป็นผู้เช่าและเจ้าของเครื่องขุดบิตคอยน์ ณ บริเวณบ้านหลังหนึ่ง ถนนศรีวิเศษ ต.เมืองเหนือ อ.เมืองศรีสะเกษ สอบสวนเบื้องต้นให้การรับสารภาพว่าเป็นโปรแกรมเมอร์ มีความรู้ด้านเทคโนโลยี และลักลอบขุดบิตคอยน์มาตั้งแต่ปี 2563 โดยได้เช่าอาคารพาณิชย์ในพื้นที่ศรีสะเกษ 5 จุด และอุบลราชธานี 1 จุด พร้อมใช้กล่องเก็บเสียงเพื่ออำพราง หลังจากสอบสวนนำตัวส่ง สภ.เมืองศรีสะเกษ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนของกลางที่ตรวจยึดได้จากจุดอื่นๆ ถูกส่งไปยัง สภ.วังหิน, สภ.กันทรารมย์, สภ.อุทุมพรพิสัย และ สภ.เมืองอุบลราชธานี ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อให้พนักงานสอบสวนออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการและเกี่ยวข้องอีกต่อไปมาดำเนินคดี สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย ลักลอบใช้ไฟฟ้าขุดบิตคอยน์ เสี่ยงชีวิตและผิดกฎหมายการลักลอบใช้ไฟฟ้าเพื่อติดตั้งเครื่องขุดเหรียญบิตคอยน์ หรือดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า ถือเป็นความผิดกฎหมายทั้งแพ่งและอาญา และมีความเสี่ยงสูงต่อชีวิตและทรัพย์สิน การกระทำดังกล่าวอาจก่อให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร เพลิงไหม้ หรือทำให้ระบบไฟฟ้าขัดข้อง ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก นอกจากนี้ยังอาจถูกดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โทษจำคุกสูงสุด 10 ปี PEA ขอความร่วมมือประชาชน หากพบเห็นการลักลอบตัดสายไฟฟ้า แอบพ่วงไฟฟ้า หรือพบอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ผิดปกติ สามารถแจ้งเหตุได้ทันทีผ่านช่องทางต่อไปนี้ PEA Contact Center 1129 ตลอด 24 ชั่วโมง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี