ป.ป.ช. ชี้มูล 'รัชฎา' อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ปมเรียกรับเงิน ส่งสำนวนฟันคดีอาญา

ป.ป.ช. ชี้มูล 'รัชฎา' อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ปมเรียกรับเงิน ส่งสำนวนฟันคดีอาญา

วันพุธ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 10.34 น.

 

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญ กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายรัชฎา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับพวก เรียกรับเงิน จากผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อให้ไม่มีคำสั่งย้ายหรือเปลี่ยนแปลงออกจากตำแหน่งหน้าที่ และทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างงานบำรุงป่าชายเลนของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) เมื่อปี พ.ศ. 2565


1. กรณีเรียกรับเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อให้ไม่มีคำสั่งย้ายหรือเปลี่ยนแปลงออกจากตำแหน่งหน้าที่ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ ได้จับกุมนายรัชฎา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมของกลางเป็นเงินสด จำนวน 98,000 บาท และจากการตรวจค้นภายในห้องทำงานของนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา พบเงินสดอีกจำนวน 4,843,300 บาท จึงได้ตรวจยึดทรัพย์สินดังกล่าว รวม 21 รายการ และ

ส่งคำร้องทุกข์กล่าวโทษ นายรัชฎา กรณีมีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากหัวหน้าหน่วยงาน ในสังกัด เพื่อมิให้ถูกโยกย้ายตำแหน่งและเก็บเงินรายเดือนจากหมวดงบประมาณต่าง ๆ ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มาให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ดำเนินการไต่สวนและมีมติชี้มูลความผิดนายรัชฎา  ในส่วนของเงินสดของกลางจำนวน 98,000 บาท และเงินสดที่ตรวจยึดได้จำนวน 2,693,300 บาท แล้ว โดยให้แยกประเด็นเกี่ยวกับ เงินสดจำนวน 2,150,000 บาท และสิ่งของที่ตรวจยึดได้จำนวน 4 รายการ และกรณีทุจริตการจัดซื้อจัดจ้าง งานบำรุงป่าชายเลนของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) เพื่อดำเนินการไต่สวนเป็นคดีนี้

ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ภายหลังนายรัชฎา  เข้าดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ได้ร่วมกับนายอลงกรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 เรียกรับเงินจำนวน 600,000 บาท จากนายสุวรรณเนาว์  หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เพื่อให้ไม่มีคำสั่งย้ายหรือเปลี่ยนแปลงออกจากตำแหน่งหน้าที่ และนายสุวรรณเนาว์  ได้ยินยอมจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่นายรัชฎา  ตามที่ ถูกเรียกรับสำหรับเงินสดจำนวน 1,850,000 บาท ที่ตรวจพบภายในห้องทำงานของนายรัชฎ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 แม้ไม่ปรากฏว่าเป็นทรัพย์สินที่นายรัชฎา ได้รับ จากบุคคลใดและเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงินของนายรัชฎา หรือไม่อย่างไร แต่เป็นกรณีที่ นายรัชฎา  มีพฤติการณ์รับทรัพย์สินจากจากผู้อื่น นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์  อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย

2.กรณีทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างงานบำรุงป่าชายเลนของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อปีงบประมาณ 2565 สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างงานบำรุงป่าชายเลนโดยวิธีเฉพาะเจาะจง ประกอบด้วย งานจัดซื้อกล้าไม้ป่าชายเลน จำนวน 161,700 ต้น และงานจัดจ้างเหมาค่าแรง ค่าใช้สอยและวัสดุ สำหรับบำรุงป่าชายเลน(โครงการปลูกป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร) จำนวน 5 โครงการ นายสุวรรณเนาว์  หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ผู้รับผิดชอบโครงการ ได้จัดทำรายงานข้อมูลการสืบราคาจัดซื้อจัดจ้าง  อันเป็นเท็จเพื่อนำมากำหนดเป็นราคากลาง แล้วติดต่อตกลงกับนางสาวฉันทนา นางสาวอิงอร  และนายนิพล ซึ่งเป็นญาติของผู้ใต้บังคับบัญชา

ให้เข้าเสนอราคาและเป็นคู่สัญญาผู้รับจ้าง งานบำรุงป่าชายเลน จำนวน 5 สัญญา วงเงินรวม 785,400 บาท และติดต่อตกลงกับหุ้นส่วนผู้จัดการ ซึ่งมิได้เป็นผู้มีอาชีพขายกล้าไม้ป่าชายเลน ให้เข้าเสนอราคาและเป็นคู่สัญญาผู้ขายกล้าไม้ป่าชายเลน วงเงิน 485,100 บาท โดยคณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้างและคณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานซื้อได้ทำหลักฐานการตรวจรับพัสดุว่าถูกต้องตรงตามสัญญา ทั้งที่ผู้ขายและผู้รับจ้างงานบำรุงป่าชายเลนดังกล่าวมิได้ส่งมอบกล้าไม้และทำงานจ้างบำรุงป่าชายเลนให้ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา นอกจากนี้ ยังปรากฏว่าหลังจากมีการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างและค่าจัดซื้อดังกล่าวแล้ว นางสาวอิงอร และห้างหุ้นส่วนจำกัด ได้มีการให้เงินค่าจ้างและค่าจัดซื้อซึ่งเป็นส่วนแบ่งผลประโยชน์จากการใช้ หรือเบิกจ่ายเงินงบประมาณที่เกิดจากการทุจริตร่วมกันแก่นายสุวรรณเนาว์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะชุมพร และนายจงรัก ผู้อำนวยการส่วนฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ด้วย

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้ กรณีทุจริตเรียกรับเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อให้ไม่มีคำสั่งย้ายหรือเปลี่ยนแปลงออกจากตำแหน่งหน้าที่

1.การกระทำของนายรัชฎา  และนายอลงกรณ์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128 ประกอบมาตรา 169 มาตรา 172 และมาตรา 173 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

2. การกระทำของนายสุวรรณเนาว์  มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 176 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

กรณีทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างงานบำรุงป่าชายเลนของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี)

1. การกระทำของนายสุวรรณเนาว์  มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 มาตรา 162 (1) (4) มาตรา 264 มาตรา 268 และมาตรา 341 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 11 และมาตรา 12 พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 120 และฐานความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

2. การกระทำของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ และเจ้าหน้าที่พัสดุ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 120 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง แล้วแต่กรณี

3. การกระทำของนายจงรักษ์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

4. การกระทำของนางสาวฉันทนา นางสาวอิงอร  และนายนิพล และห้างหุ้นส่วนจำกัด  มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดและฐานความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวน การไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ให้แจ้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top