รอบรั้วเมืองใต้ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม  ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น...หลังเกิดเหตุปล้นทอง ที่ห้างบิ๊กซี กลางเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ทางหนึ่งจากการสืบสวนสอบสวนของตำรวจศชต. ภาค 9 สามารถจับผู้ร่วมขบวนการ ในพื้นที่ได้ 2 คน และนำมาขยายผล จนสามารถออกหมายจับ ผู้ที่เป็นกองกำลังติดอาวุธ ของบีอาร์เอ็นได้อีก 7 คน ซึ่งล่าสุด ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของศชต. มีการประชุมร่วมกับสันติบาล มาเลเซีย เพื่อขอความร่วมมือ ในการเข้าถึง คนร้าย ที่นำทองไปหลบซ่อน อยู่ใน รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย.....ในขณะที่ในพื้นที่ ของจังหวัดนราธิวาส ที่มีการปรับเปลี่ยน ผู้บังคับบัญชาส่วนหัว โดยนำมาจาก กองทัพภาคที่ 1  แทนทหาร ของ กองทัพภาคที่ 4  ที่ถูกมองว่าแก้ปัญหาไม่ได้ ก็ต้องติดตาม การเปิดเกมรุก ต่อกองกำลังติดอาวุธ ของบีอาร์เอ็น และการซีลชายแดน เพื่อสกัดกั้น คนของบีอาร์เอ็น เข้า-ออก จาก พล.ต.ยอดอาวุธ พึ่งพักตร์ ที่ทำหน้าที่ ผบ.ฉก.นราธิวาส ว่าจะประสพผลสำเร็จ หรือล้มเหลว......ส่วน น.ท.พีรพงษ์ วงศ์จิระเจริญกุล  ผบ.นย. กองทัพเรือ 33  ซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่ สุไหงโก-ลก-ตากใบ  จ.นราธิวาส  กล่าวว่ามีการยกระดับ ให้มีการแจ้งเตือนเหตุร้าย ใน เชิงรุก โดยการนำระบบเตือนภัยแบบอัจฉริยะ มีประสิทธิภาพ มีความแม่นยำสูง มาติดตั้งในพื้นที่สุ่มเสี่ยง หากมีเหตุร้าย เจ้าหน้าที่จะรับทราบ โดยเร็ว และจะเข้าถึง พื้นที่เป้หมาย ในทันที ทั้งหมดคือเรื่องวัวหายล้อมคอก แต่ก็ดีกว่าที่จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง,,,,,,แต่เรื่องสำคัญ ที่ไม่ได้อยู่กับเครื่องมือ ที่เป็นอัจฉริยะ และชุดเผชิญเหตุ แต่เป็นเรื่องการที่เจ้าหน้าที่ ไม่กล้าออกจาก ฐานปฏิบัติการ ในเวลากลางคืน โดยปล่อยให้ กองกำลังติดอาวุธ และแนวร่วม สามารถปฏิบัติการ ต่อเป้าหมาย อย่างมีอิสระ เช่นการ วางระเบิด วางเพลิง เครื่องจักรกลของผู้รับเหมาก่อสร้าง การทำลายกล้องวงจรปิด จนเสียหาย ไปทุกพื้นที่ ปัญหานี้ต่างหาก ที่ต้องมีแผนเชิงรุก ที่ผบ.ฉก. และหัวหน้าชุด ชคต. ต้อง ดำเนินการ ไม่ใช่หดหัว อยู่ในฐานปฏิบัติการ โดยมีหน้าที่ เพื่อป้องกันฐาน อย่างให้ถูก โจมตี เท่านั้น ถ้ามีฐานปฏิบัติการ มีชุดคุ้มครองตำบล แต่คุ้มครองอะไรไม่ได้ ก็ไม่ต้องมีเสียเลย จะดีกว่าไหม ท่าน ผบ.ฉก.จังหวัด และผบ.พัน ผบ.ร้อย ทั้งหลาย.....อีกเรื่องที่เป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่มาจากไฟใต้ นั้นคือการเกิดขึ้นของสุ่มตรวจ พบมีการส่งระบิด m79  จากอาสาสมัครทหารพราน จาก อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ไปยัง อ.แม่สอด จ.ตาก  จำนวนมาก และมีการตรวจพบการส่งกระสุนปืนสงคราม จำนวน 1000 กว่านัด จาก อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ไปยัง อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา.....คำถามคือไฟใต้ 21 ปี ได้ทำให้เกิดขบวนการค้าอาวุธสงคราม ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขึ้นแล้วอีกขบวนการหนึ่ง ใช่หรือไม่ และอาวุธสงคราม หรือวัตถุปัจจัย เหล่านี้ เป็นของกองทัพ ของหน่วยทหาร ในพื้นที่ ใช่หรือไม่  และขบวนการ ที่ทำหน้าซื้อ-ขาย อาวุธสงครามเป็น เจ้าหน้าที่รัฐ ที่เป็น อาสาสมัครทหารพราน และ อาสารักษาดินแดน โดยมีนาย อยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่ เรื่องนี้ พล.ท.นรธิป  โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4  ต้องมีคำตอบ.....เห็นการติดตั้งเสาไฟส่องถนนบางจุด ที่ติดตั้งเสาไฟส่องถนนแล้วเสียดายงบประมาณที่นำมาติดตั้งเสาไฟส่องถนน เพราะ บางจุด ไฟดับสนิท ใช้การไม่ได้ ซ้ำร้ายกว่านั้น เสาไฟส่องถนนบางแห่งยังถูกขโมยสายไฟ และหม้อแปลงไฟฟ้า ทำให้เสาไฟส่องถนนดับทั้งหมด แต่ก็แปลกที่หน่วยงานที่รับผิดชอบ กลับทำนิ่งเฉย ไม่สนใจ ปล่อยให้เสาไฟส่องถนนดับสนิท ประจานงบประมาณที่ติดตั้ง ชาวบ้านผู้ใช้รถใช้ถนนเวลากลางคืน ก็ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่  จณะที่ถนนที่เสาไฟส่องถนนดับมืดไปหมด เพราะเจ้าหน้าที่ขาดความรับผิดชอบ...เหนื่อยแทนครับ....

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์