วันพฤหัสบดี ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ปปช.ชี้มูล‘พันโทหญิง’
โกงเงินเบี้ยหวัด230ล.
ฟันอาญา/วินัยร้ายแรง
ป.ป.ช.ชี้มูล “พันโทหญิง” ปลอมบัญชี e-pension ทุจริตเงิน เบี้ยหวัดบำนาญทหาร 230 ล้าน เข้าบัญชีตัวเอง-สามี ระหว่างปี 2555-2563 รวม 572 ครั้ง ฟันผิดทางอาญา-วินัยร้ายแรง สามีผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ผู้บังคับบัญชาถูกชี้มูลผิดทางวินัยฐาน ไม่ควบคุมดูแล-ประมาทเลินเล่อ พร้อม ชี้มูล’รัชฎา’อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯปมเรียกรับเงินผู้ใต้บังคับบัญชา-ทุจริตการจัดซื้อจัดจ้าง ส่งสำนวน ฟันคดีอาญา-ผิดวินัยอย่างร้ายแรง
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด พันโทหญิง ดวงรัตน์ (สงวนนามสกุล) หรือ น.ส.ธนัน (สงวนนามสกุล) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประจำแผนกเบี้ยหวัด บําเหน็จ บํานาญ และหัวหน้าแผนกควบคุมเบี้ยหวัด บําเหน็จ บํานาญ กองเบี้ยหวัด บําเหน็จบำนาญ กรมการเงินทหารบก กองทัพบก กับพวก กรณีเปลี่ยนแปลงและอนุมัติหมายเลขบัญชีผู้รับเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญและเงินอื่นที่จ่ายในระบบ e-pension ให้เป็นเลขที่บัญชีของตนเอง และบัญชีของนายธนู (สงวนนามสกุล) ระหว่างปี พ.ศ. 2555 - 2563 จำนวน 572 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 230,841,834.38 บาท นำไปหมุนเวียนใช้เป็นประโยชน์ส่วนตน
โดยข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่าในระหว่างปี พ.ศ. 2555 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 ขณะที่พันโทหญิง ดำรงตำแหน่งประจำแผนกเบี้ยหวัด บําเหน็จ บํานาญ และตำแหน่งหัวหน้าแผนกควบคุมเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ กองเบี้ยหวัด บําเหน็จ บํานาญ กรมการเงินทหารบก กองทัพบก มีหน้าที่บันทึกข้อมูลของผู้ขอรับเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นๆลงใน ระบบ e-pension ของกรมบัญชีกลาง ได้อาศัยโอกาสที่ตนได้รับมอบหมายจากพันโทหญิงวิมลฉวี (สงวนนามสกุล) หัวหน้าแผนกเบี้ยหวัด ให้เข้าใช้รหัสผู้ใช้ และรหัสผ่านของผู้อนุมัติ อนุมัติเบิกเงิน ในระบบ e-pension ให้แก่ผู้มีสิทธิ
ในกรณีที่พันโทหญิงวิมลฉวี (สงวนนามสกุล) ลาหรือมีภารกิจอื่นเป็นครั้งคราว จึงทำให้ทราบรหัสผ่านหรือสุ่มเดารหัสผ่าน ของผู้อนุมัติในระบบ e-pension แล้วกระทำการเปลี่ยนแปลงบัญชีผู้รับเงินในระบบ e-pension ให้เป็นบัญชีของตนเอง และบัญชีของนายธนู (สงวนนามสกุล) คู่สมรส รวมจำนวน 572 ครั้ง มียอดเงินที่ได้รับจากกรมบัญชีกลางนำไปหมุนเวียน ใช้ประโยชน์ส่วนตน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 230,841,834.38 บาท
โดย ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของพันโทหญิงดวงรัตน์ (สงวนนามสกุล) มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 มาตรา 161 มาตรา 264 มาตรา 265 และมาตรา 268พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
ส่วนการกระทำของนายธนู (สงวนนามสกุล) ซึ่งขณะเกิดเหตุรับราชการในสังกัดกรมการขนส่งทหารเรือ และกรมช่างโยธาทหารเรือ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง สำหรับการกระทำของพันโทหญิงวิมลฉวี จากการไต่สวนเบื้องต้น ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่า ได้กระทำความผิดทางอาญาตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่การที่พันโทหญิงวิมลฉวี ไม่ใช้ความระมัดระวังในการเก็บรักษา password จนเกิดความเสียหายต่อทางราชการ จึงมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
สำหรับการกระทำของ พันเอก อนุสรณ์ (สงวนนามสกุล) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองเบี้ยหวัด บําเหน็จ บำนาญ จากการไต่สวนเบื้องต้น ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่าได้กระทำความผิดทางอาญาตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่การที่พันเอกอนุสรณ์ ไม่ตรวจสอบการปฏิบัติและไม่ควบคุมกำกับดูแล จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง จึงให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 64
ทั้งนี้ ให้ส่งรายงานสำนวนการไต่สวนเอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณี และให้แจ้งกองทัพบก ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง ต่อไปด้วย
นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการ ป.ป.ช.แถลงว่าคณะกรรมการป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายรัชฎา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับพวก เรียกรับเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อไม่ให้มีคำสั่งย้ายออกจากตำแหน่งหน้าที่ สืบเนื่องจากวันที่ 27 ธ.ค. 2565 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ จับกุมนายรัชฎา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในขณะนั้น พร้อมของกลางเงินสด 98,000 บาท จากการตรวจค้นห้องทำงานนายรัชฎาพบเงินสดอีก 4,843,300 บาท จึงตรวจยึดทรัพย์สิน รวม 21 รายการ ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.
จากการไต่สวนพบว่า ภายหลังนายรัชฎาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เดือน ก.พ. 2565 ร่วมกับนายอลงกรณ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 เรียกรับเงิน 6 แสนบาท จากนายสุวรรณเนาว์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เพื่อไม่มีคำสั่งย้ายออกจากตำแหน่งหน้าที่ นายสุวรรณเนาว์ ยอมจ่ายเงินดังกล่าว ส่วนเงินสด 1,850,000 บาท ที่พบในห้องทำงานนายรัชฎา แม้ไม่ปรากฏเป็นทรัพย์สินเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงินของนายรัชฎาหรือไม่ แต่เป็นกรณีที่นายรัชฎามีพฤติการณ์รับทรัพย์สินจากผู้อื่น ป.ป.ช.จึงมีมติว่านายรัชฎากับพวกมีมูลความผิดทางอาญา และความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ให้ส่งเรื่องอัยการสูงสุดและผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินคดีอาญาและทางวินัยต่อไป
นายสุรพงษ์กล่าวว่านอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังชี้มูลความผิดนายสุวรรณเนาว์ แสนสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ทุจริตจัดซื้อจัดจ้างงานบำรุงป่าชายเลนของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) จากการไต่สวนพบว่า ปี 2565 สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 จัดซื้อจัดจ้างงานบำรุงป่าชายเลนโดยวิธีเฉพาะเจาะจง 5 โครงการ โดยนายสุวรรณเนาว์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เป็นผู้รับผิดชอบโครงการทำข้อมูลราคาจัดซื้อจัดจ้างเป็นเท็จ กำหนดเป็นราคากลาง ตกลงกับญาติของผู้ใต้บังคับบัญชาให้เสนอราคา เป็นคู่สัญญาผู้รับจ้างงานบำรุงป่าชายเลน 5 สัญญา วงเงิน 785,400 บาท และให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ร่มโกงกาง ที่มิได้มีอาชีพขายกล้าไม้ป่าชายเลนเป็นคู่สัญญาขายกล้าไม้ป่าชายเลน วงเงิน 485,100 บาท โดยคณะกรรมการตรวจรับพัสดุทำหลักฐานตรวจรับพัสดุว่า มีความถูกต้อง ทั้งที่มิได้ส่งมอบกล้าไม้และทำงานจ้างบำรุงป่าชายเลนตามสัญญา มีการให้เงินส่วนแบ่งผลประโยชน์จากการเบิกจ่ายงบประมาณทุจริตแก่นายสุวรรณเนาว์ ป.ป.ช. จึงมีมติว่า การกระทำของนายสุวรรณเนาว์ และพวกมีมูลความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรง รวมถึงผู้เกี่ยวข้องภาคเอกชน มีความผิดอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด ให้ส่งสำนวนการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุด และผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินคดีอาญาและทางวินัยต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี