วันจันทร์ ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
‘ศปอส.ตร.’แถลงผลปฏิบัติการกวาดล้างบัญชีม้า ‘สายฟ้าฟาด’ทั่วประเทศ จับกุมแล้วกว่า 300 ราย ขยายผล‘คอกม้า’เชื่อมโยง 27 จังหวัด
24 พฤศจิกายน 2568 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผอ.ศปอส.ตร.) เป็นประธานแถลงผลปฏิบัติการระดมกวาดล้างบัญชีม้าและอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั่วประเทศ ภายใต้ยุทธการ “สายฟ้าฟาด ปราบบัญชีม้าสั่นเครือทั่วประเทศ” ซึ่งดำเนินการระหว่างวันที่ 18 - 26 พฤศจิกายน 2568 ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ ผอ.ศปอส.ตร.
พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศได้เร่งรัดการดำเนินงานอย่างจริงจัง เนื่องจากสถานการณ์อาชญากรรมออนไลน์ยังส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง โดยตั้งแต่ปี 2565 มีประชาชนแจ้งความออนไลน์แล้วกว่า 1.09 ล้านเคส รวมมูลค่าความเสียหายมากกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งบัญชีม้ายังคงเป็นหัวใจสำคัญของการรับโอนเงินในกระบวนการหลอกลวงทุกประเภท
พล.ต.ท.จิรภพ ระบุว่า จากการดำเนินปฏิบัติการอย่างเข้มข้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เป็นจำนวนมาก แบ่งเป็น จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 339 ราย ในจำนวนนี้มี 209 ราย ที่ให้การรับสารภาพว่าเปิดบัญชีม้า ทั้งนี้จากการขยายผลยังพบ เครือข่ายตัวการเพิ่มอีก 25 เป้าหมาย พบตัวกลุ่ม Real time จำนวน 87 รายในจำนวนนี้ 58 ราย ยอมรับว่ารับจ้างเปิดบัญชีม้า ก่อนจะขยายผลได้ ตัวการเพิ่มเติมได้อีก 30 เป้าหมาย รวมพบผู้ชักชวนเปิดบัญชีม้าในเครือข่ายทั้งสิ้น 55 เป้าหมาย ครอบคลุมพื้นที่ 27 จังหวัดทั่วประเทศ
สำหรับปฏิบัติการในครั้งนี้ยังนำไปสู่การจับกุมคดีสำคัญหลายจุด เช่น จับกุมชาวต่างชาติ 15 ราย ในพื้นที่บึงกุ่ม เปิดเว็บไซต์หลอกลงทุนคริปโตหลอกเหยื่อชาวตุรกี จับชาวจีนใน จ.ระยอง ทำหน้าที่ควบคุมผู้ถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ บุกค้นจุดลักลอบติดตั้ง Sim Box ใน จ.หนองคาย–บึงกาฬ–มุกดาหาร ยึดได้ 12 เครื่อง ผู้ต้องหา 2 ราย ทลายเครือข่าย “ฟาร์มม้า” รับจ้างสแกนหน้า TrueMoney ใน จ.สกลนคร
นอกจากนี้ยังจับหญิงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใน จ.เพชรบูรณ์ หลอกเหยื่อส่งเงินสด 5.8 ล้านบาทและทองคำ 10 บาทถึงหน้าบ้าน รวมไปถึงทลายแก๊ง Hybrid Scam หลอกลวงเรื่องความรัก–การลงทุน จับผู้ต้องหาได้กว่า 12 ราย นอกจากนี้ยังตรวจพบคอกม้า หรือผู้จัดหาบัญชีม้าในหลายจังหวัด ซึ่งถือเป็นต้นทางสำคัญของเครือข่ายสแกมเมอร์
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ศปอส.ตร. ได้ยกระดับการทำงาน ด้วยการใช้ระบบ AI วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อจำแนกบัญชีต้องสงสัย รวมทั้งปรับโครงสร้างการส่งตัวผู้ต้องหาให้เป็นระบบเดียวกัน โดยใช้ตำรวจสอบสวนกลางและตำรวจภูธรภาค 6 จ.พิษณุโลก เป็นจุดกลางในการจัดการเคลื่อนย้ายผู้ต้องหา ปิดช่องโหว่ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ทั้งนี้การตรวจค้นบางพื้นที่พบพัสดุบรรจุโทรศัพท์และสมุดบัญชีม้าจำนวนมาก เตรียมส่งต่อให้ นายทุนจีนหรือ บอสชาวจีน ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะนำไปใช้ในการรับโอนเงินจากเหยื่อทันทีหลังการสแกนหน้าเปิดบัญชีเสร็จสมบูรณ์
พล.ต.ท.จิรภพระบุว่า ฝากเตือนไปยังประชาชนผู้เปิดบัญชีม้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท ส่วนผู้จัดหาหรือ “คอกม้า” มีโทษหนักกว่า จำคุก 2 - 5 ปี ปรับ 200,000–500,000 บาท พร้อมเตือนว่า “ค่าตอบแทนเล็กน้อยไม่คุ้มกับการถูกดำเนินคดี และเป็นฟันเฟืองให้เกิดอาชญากรรมที่สร้างความเสียหายมหาศาล”
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวด้วยว่า แม้จะมีการทำแผนร่วมกับหลายประเทศ แต่การปฏิบัติการของบางชาติ เช่น กัมพูชา ยังไม่เป็นไปตามข้อมูลที่ไทยส่งมอบ ซึ่งล่าสุดได้ส่งมอบข้อมูลชี้เป้าฐานสแกมเมอร์ในกัมพูชา แต่เมื่อมีปฏิบัติการฝั่งกัมพูชารายงานมาว่าพบผู้ต้องหาจำนวน 30 คนแต่ไม่พบคนไทยในนั้น และมองว่าปฏิบัติการนี้ยังมีความล่าช้าและรายงานผลที่ไม่เป็นไปตามความจริง
ขณะที่จีนและสหรัฐอเมริกาแสดงท่าทีให้ความร่วมมืออย่างจริงจัง ทั้งด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการปราบปรามแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น ล่าสุดมีการประชุมที่คุนหมิง ประเทศจีน ฝ่ายทางการจีนแสดงความเชื่อมั่นและมีความจริงใจและตั้งใจอย่างยิ่งในการปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ โดยระบุว่า ผู้ก่อเหตุจำนวนมากเป็นพลเมืองจีนที่ย้ายไปพำนักในหลายประเทศ และบางส่วนได้ขอสัญชาติที่สองเพื่อนำไปใช้ตั้งแก๊งฉ้อโกงในต่างแดน ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ทั้งชาวจีน ชาวไทย รวมถึงประชาชนอีกหลายประเทศทั่วโลก โดยได้ตั้งศูนย์เครือข่ายปราบปรามสแกมเมอร์ 6 ประเทศ ลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสานงานกัน
ทั้งนี้ จากสถิติล่าสุด จำนวนเคสและความเสียหายรายวันลดลงในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะหลังศูนย์ดำเนินงานอย่างเป็นระบบตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.จิรภพระบุว่า การแก้ปัญหาสแกมเมอร์เป็นเรื่องยาว ต้องดำเนินการทุกมิติอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบการเปิดบัญชีม้าในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากกว่าภูมิภาคอื่น ซึ่งต้องเร่งสร้างความรับรู้ให้ประชาชนตระหนักถึงความผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้ ผู้ต้องหากว่าหลายสิบรายที่ถูกจับกุมในปฏิบัติการล่าสุด ถูกนำตัวมาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปราม ก่อนส่งฝากขังดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี