สั่งอพยพประชาชนทั้งเมือง  ‘หาดใหญ่’วิกฤต!  น้ำทะลักรพ.-โรงประปา   สงขลาประกาศภัยพิบัติ

สั่งอพยพประชาชนทั้งเมือง ‘หาดใหญ่’วิกฤต! น้ำทะลักรพ.-โรงประปา สงขลาประกาศภัยพิบัติ

วันอังคาร ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

สั่งอพยพประชาชนทั้งเมือง

‘หาดใหญ่’วิกฤต!

น้ำทะลักรพ.-โรงประปา 

สงขลาประกาศภัยพิบัติ

16อำเภอ-เสียชีวิตแล้ว1

ปภ.สรุป10จว.ภาคใต้อ่วม

7แสนครัวเรือนเดือดร้อน

ปภ.รายงาน 10 จังหวัดใต้น้ำยังท่วมสูง เดือดร้อนมากกว่า 7 แสนครัวเรือน โดยเฉพาะอ.หาดใหญ่ จ.สงขลาวิกฤตรอบสอง มวลน้ำก้อนใหญ่จากอ.สะเดา ทะลักท่วมพื้นที่เศรษฐกิจท่องเที่ยวสำคัญสูงเกิน 1 เมตร ผู้ว่าฯสั่งอพยพปชช.ด่วน ไปอยู่ศูนย์พักพิงจังหวัด เหตุปริมาณน้ำมากกว่าปกติ 2 เท่า ขณะที่“พัทลุง-สตูล-ตรัง-ปัตตานี-นราฯ” ยังจมบาดาล ด้านนายกฯสั่งกลาง ครม.เศรษฐกิจ ระดมสรรพกำลัง-ยุทโธปกรณ์เร่งช่วยอุทกภัยใต้ รับหาดใหญ่วิกฤติ มอบ“ธรรมนัส”บัญชาการกู้ภัย ระดมฮ.ช่วยขนคนติดค้างในบ้านที่เข้าไม่ถึง ชงจ่ายเยียวยาฟื้นฟูเข้าครม.อนุมัติทันที25พย. เผยเข้าเกณฑ์ทุกครัวเรือน

สถานการณ์อุทกภัยใน จ.สงขลายังทวีความรุนแรงและวิกฤติอย่างหนัก โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่และอำเภอสะเดา ซึ่งได้รับผลกระทบจากมวลน้ำปริมาณมาก โดยเฉพาะตัวเมืองหาดใหญ่ ต้องเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วมซ้ำซ้อนเป็นรอบที่ 2 เนื่องจากมวลน้ำก้อนใหญ่จากอำเภอสะเดา เริ่มไหลลงสู่คลอง ร.1 ทำให้ระดับน้ำในคลองเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและทะลักเข้าท่วมย่านเศรษฐกิจของตัวเมืองอีกครั้ง ระดับน้ำหลายจุดไม่ต่ำกว่า 1 เมตร


เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมพล.ต.กรกฎ ภู่โชติ รองแม่ทัพภาคที่ 4 รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เป็นประธานประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ประจำปี 2568 เพื่อประเมินสถานการณ์และกำหนดแผนอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง

16อภ.สงขลาอ่วม2.4แสนครัวเดือดร้อน

ทั้งนี้ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา รายงานสถานการณ์สาธารณภัย ระหว่างวันที่ 20–23 พฤศจิกายนพบว่า ทั้ง 16 อำเภอของจ.สงขลาได้รับผลกระทบแล้ว รวม 115 ตำบล 821 หมู่บ้าน 167 ชุมชน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 243,568 ครัวเรือน รวม 635,423 คน ต้องอพยพรวม 1,224 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน

นายรัฐศาสตร์กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังต้องเฝ้าระวังติดตามปริมาณน้ำใกล้ชิด โดยเฉพาะคลองอู่ตะเภา ซึ่งเป็นคลองสายหลักของเมืองหาดใหญ่ ที่ระดับน้ำยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้หลายพื้นที่ในอ.หาดใหญ่ และพื้นที่รอบข้างมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมสั่งทุกหน่วยงานเร่งระดมกำลัง เครื่องจักร และยุทโธปกรณ์ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้ จังหวัดตั้งมณฑลทหารบกที่ 42 เป็นศูนย์บัญชาการหลัก โดยย้ำเร่งอพยพประชาชนจากจุดเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางในอ.หาดใหญ่ ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวของราชการ ได้แก่ ศูนย์ประชุมนานาชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา และทัพเรือภาคที่ 2

น้ำทะลักรพ.หาดใหญ่-โรงกรองน้ำ

ส่วนที่ อ.หาดใหญ่ สถานการณ์น้ำท่วมอยู่ในระดับวิกฤตสูงสุด โดยระดับน้ำท่วมถึงโรงกรองน้ำของการประปาส่วนภูมิภาคสาขาหาดใหญ่ สูงกว่า 3 เมตร จากระดับพื้นโรงกรอง ซึ่งสูงกว่าน้ำท่วมปี 2553 ส่งผลให้ไม่สามารถเดินเครื่องผลิตน้ำประปาจ่ายน้ำให้ประชาชนได้ ขณะที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ประกาศมวลน้ำหนุนเข้ามาภายในโรงพยาบาล แนะนำให้ผู้รับบริการใช้บริการผ่านระบบโทรเวช และถ้าปรับเปลี่ยนการให้บริการอื่น โรงพยาบาลจะแจ้งให้ทราบต่อไป โดยพื้นที่อ.หาดใหญ่ รัตภูมิ จะนะ นาหม่อม และ สะเดา จัดเป็นพื้นที่สถานการณ์หนักถึงหนักมาก บางจุดน้ำท่วมสูงและเพิ่มระดับรวดเร็วจากน้ำล้นตลิ่งของคลองอู่ตะเภา โดยน้ำไหลเข้าท่วมอำเภอสะเดา คลองหอยโข่ง และหนุนเข้าเขตเมืองหาดใหญ่เพิ่มขึ้น

สั่งอพยพด่วนมวลน้ำสะเดาทะลัก2เท่า

กระทั่งเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาออกประกาศคำสั่งเร่งด่วนที่สุดให้ประชาชนในอำเภอหาดใหญ่ โดยเฉพาะเขตเมือง และพื้นที่ลุ่มต่ำ เขต 3 และเขต 4 เร่งอพยพออกจากพื้นที่ทันที ให้การอพยพแล้วเสร็จก่อนเวลา 16.00 น. ของวันนี้ สาเหตุจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่หาดใหญ่เข้าสู่ระดับวิกฤตสูงสุด หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง ประกอบกับมีรายงานมวลน้ำขนาดใหญ่จากอำเภอสะเดาไหลทะลักเข้าอ.หาดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ว่าฯจึงแจ้งเตือนปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขตเมืองหาดใหญ่ครั้งนี้ คาดว่าอาจรุนแรงถึงสองเท่า เมื่อเทียบกับสถานการณ์ปกติ และอาจรุนแรงกว่าเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2543 ในบางพื้นที่ลุ่มต่ำคาดการณ์ว่าระดับน้ำอาจสูงเกิน 3 เมตร โดยจังหวัดเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวและจัดเตรียมพื้นที่รองรับผู้อพยพไว้หลายแห่ง มีจุดอพยพหลักสำคัญ ได้แก่ ศูนย์ประชุมนานาชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.), หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา,ทัพเรือภาคที่ 2 จังหวัดสงขลา

ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงและลุ่มต่ำ ให้ขนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูง และเดินทางไปพักที่ศูนย์อพยพที่ใกล้ที่สุดตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่โดยเคร่งครัด

อ.สะเดาวิกฤติขาดแคลนเรือยนต็ช่วยอพยพ

ขณะเดียวกันที่อำเภอสะเดา สถานการณ์น้ำท่วมก็เข้าขั้นวิกฤติเต็มพื้นที่ทั้ง 9 ตำบล โดยมีรายงานว่าแม้แต่วัดเขารูปช้าง ในตำบลปาดังเบซาร์ ซึ่งปกติไม่เคยถูกน้ำท่วม ก็ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ ส่วนปัญหาสำคัญที่หน่วยงานช่วยเหลือกำลังประสบคือ การขาดแคลนเรือยนต์ในการเข้าไปให้ความช่วยเหลือและอพยพชาวบ้านจำนวนมากที่ยังติดค้างอยู่ตามบ้านเรือนในหมู่บ้านที่รถเข้าไม่ถึง กำลังพลจากร้อย ร.5021, ตชด.437 และฝ่ายปกครองอำเภอสะเดา กำลังพยายามเข้าช่วยเหลือเต็มกำลัง แม้ต้องเผชิญกับกระแสน้ำเชี่ยวและอันตราย บางจุดต้องใช้เชือกนำชาวบ้านออกมาจากพื้นที่อย่างทุลักทุเล

นาทวีฝนถล่ม24ชม.5หมื่นคนเดือดร้อน

เช่นเดียวกับ สถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอนาทวี จ.สงขลายังคงอยู่ในภาวะวิกฤติ หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ ทำให้มวลน้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่ทั้ง 10 ตำบล ครอบคลุม 92 หมู่บ้าน ส่งผลกระทบประชาชนกว่า 15,000 ครัวเรือน รวมกว่า 50,000 คน ระดับน้ำสูงมาก ถนนสายหลักและสายรองทุกเส้นทางถูกตัดขาด ไม่สามารถสัญจรได้ ทำให้การเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยต้องอาศัยเรือเป็นหลัก ขณะที่ฝนยังตกต่อเนื่อง ทำให้สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ มีแนวโน้มน้ำจะท่วมซ้ำหรือทรงตัวสูงหลายจุด

ทุกตำบลในอำเภอนาทวีตั้งศูนย์อพยพชั่วคราว รองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยทยอยเคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบาง เด็ก ผู้สูงอายุและผู้ป่วยออกจากพื้นที่น้ำท่วมหนัก

ต้องการเรือท้องแบนอพยพคน

นายวรินทร ทองขาว นายอำเภอนาทวีเผยว่า อำเภอนาทวีขาดแคลนอุปกรณ์ช่วยเหลือเร่งด่วน โดยเฉพาะเรือท้องแบน สำหรับใช้เข้า-ออกพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมสูง รวมถึงเตรียมอพยพประชาชนจำนวนมากออกจากจุดเสี่ยง นอกจากนี้ ยังต้องการอาหารกล่อง น้ำดื่มและของใช้จำเป็น เพื่อนำไปแจกจ่ายผู้ประสบภัยที่ยังติดค้างในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังขาดแคลนกำลังคนที่จะเข้าไปช่วยเหลือประชาชน

พัทลุงยังจม-ปิดตลาดชุมชนต้นแบบยาว

สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพัทลุงยังมีระดับสูง โดยเฉพาะบริเวณริมทะเลสาบลำปำ (ทะเลสาบสงขลาตอนใน) กินพื้นที่ 5 อำเภอได้แก่ อ.ควนขนุน อ.เมืองพัทลุง อ.เขาชัยสน อ.บางแก้วและอ.ปากพะยูน

โดยในอ.ควนขนุน ระดับน้ำยังท่วมสูงในเขตเทศบาลตำบลมะกอกเหนือ โดยเฉพาะชุมชนประดู่เรียงและชุมชนหลังสถานีรถไฟปากคลอง เทศบาลเมืองพัทลุงได้รับความเดือดร้อนในชุมชนริมทะเลสาบลำปำทั้ง 5 ชุมชน โดยเฉพาะ ชุมชนบ้านออก และ ชุมชนบ้านท่าน้ำหัวนอน ตั้งอยู่ริมคลองลำปำ และเป็นที่ตั้งของ ตลาดชุมชนยลวิถีบ้านลำปำ (ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ผลวิถี” ประจำปี 2568) ถูกน้ำท่วมขังในชุมชนจนต้องประกาศปิดตลาดไป นอกจากนี้ ร้านค้าบริเวณหาดแสนสุขลำปำ 45 ร้านค้าก็ปิดทำการเช่นกัน เนื่องจากถูกคลื่นในทะเลสาบซัดใส่และมีระดับน้ำท่วมสูง

ตรังหนักสุดรอบ15ปี-ตายแล้ว2

จ.ตรังสถานการณ์น้ำท่วมในตลาดสดอำเภอย่านตาขาวขยายวงกว้างขึ้น หลังยังมีน้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัด และน้ำจากลำคลองสาขาไหลมาสมทบ ประกอบกับ มีฝนตกหนักในพื้นที่ทำให้ปริมาณน้ำล้อมรอบเขตเทศบาลตำบลย่านตาขาวเป็นวันที่สอง ที่หัวสะพานเก่า เขตเทศบาลตำบลย่านตาขาวระดับน้ำลึก 1-2 เมตร ชาวบ้านมากกว่า 100 คน ต้องอาศัยอยู่บนชั้นสองของบ้านและพบรถเก๋งสีบรอนซ์เงิน 1 คันไม่ทราบเจ้าของ ถูกกระแสน้ำซัดลอยมาติดอยู่กลางสามแยกที่กระแสน้ำไหลเชี่ยว ระดับน้ำสูง 60-70 เซนติเมตร แต่ไม่พบตัวคนขับ คาดน่าจะมีคนช่วยเหลือออกมาจากรถได้

ตลอดทั้งวันนี้มีเรือท้องแบนจากหลายหน่วยงานออกบริการรับ-ส่งผู้ป่วย เด็กและคนชรา เพื่อออกไปหาหมอ หรือไปหาซื้ออาหารมากักตุนไว้ แต่จำนวนเรือไม่พอต่อความต้องการ เพราะชาวบ้านในชุมชนที่ถูกน้ำท่วมมีมากกว่า 500 หลังคาเรือนหรือกว่า 3,000 คน ชาวบ้านบางส่วนต้องเดินลุยน้ำที่ลึกกว่า 1 เมตรเข้า-ออกหมู่บ้าน โดยน้ำท่วมครั้งนี้ถือว่าหนักที่สุดในรอบ 15 ปี เพราะฝนตกติดต่อกัน 5 วัน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากท่วมชุมชน ชาวบ้านตั้งตัวไม่ทัน ส่วนกลางคืนต้องอยู่ท่ามกลางความมืดเนื่องจากถูกตัดกระแสไฟฟ้า ทั้งนี้ ในจ.ตรังมี 9 อำเภอจากทั้งหมด 10 อำเภอที่ถูกน้ำท่วม รวม 52 ตำบล 7 เทศบาล 236 หมู่บ้าน 12,117 ครัวเรือน ประชาชนเดือดร้อนแล้ว 50,000 คน มีผู้จมน้ำเสียชีวิต 2 รายในอำเภอวังวิเศษ 1 รายและอำเภอย่านตาขาว 1 ราย หนักที่สุดคือ ที่เขตเทศบาลตำบลย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว

วิกฤตทำลายสถิติ!สตูลท่วม หนักกว่าปี54

สถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดสตูลเข้าสู่ภาวะวิกฤตเต็มขั้น หลังเกิดน้ำท่วมนานเกือบครบสัปดาห์ และมวลน้ำขนาดใหญ่ยังทะลักเข้าพื้นที่ต่อเนื่อง วันนี้ถือเป็นวันที่หนักที่สุดตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุ ระดับน้ำท่วมขยายวงกว้างปกคลุมพื้นที่ทั้ง 7 อำเภอของจังหวัดสตูลแทบทั้งหมด โครงการชลประทานจังหวัดสตูลเปิดเผยสถานการณ์น้ำว่า ระดับน้ำที่ฝายดุสนแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และปริมาณน้ำปีนี้มากกว่าปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่เคยเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในสตูล โดยระดับน้ำล่าสุดสูงกว่าเดิมที่เคยบันทึกไว้ถึง 2.79 เมตร ถือเป็นการทำลายสถิติเดิมเป็นทางการ จึงทำให้พื้นที่เศรษฐกิจสำคัญได้รับผลกระทบรุนแรง และขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว ประกอบด้วย เขตเทศบาลเมืองสตูล เทศบาลตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล อำเภอละงู ในเขตเทศบาลตำบลกำแพง ร้านค้าจำนวนมากในพื้นที่ดังกล่าวต้องปิดทั้งหมด เนื่องจากระดับน้ำที่สูงขึ้นรวดเร็วและแผ่ขยายทั่วบริเวณ นอกจากนี้ ถนนสายสำคัญอย่าง “ยนตระการกำธร” ถูกตัดขาดหลายจุด รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ ต้องใช้รถขนาดใหญ่ รถ 6 ล้อและ10 ล้อเท่านั้น ถนนในชุมชนหลายแห่งถูกตัดขาด100% ซึ่งปัญหาเร่งด่วนที่พบในพื้นที่วิกฤตคือ น้ำดื่ม–น้ำใช้ขาดแคลนมาก ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภคเริ่มขาดตลาดและมีราคาสูงขึ้น

ฝนเยอะทำหาดใหญ่จมเพราะระบายไม่ทัน

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยกล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่คาดว่าจะมีมวลน้ำจากอ.สะเดาเข้ามาเติมว่า ตอนนี้ระดมความช่วยเหลือทุกหน่วยงานอยู่ในพื้นที่แล้ว มีเครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องปั๊มน้ำ เครื่องผลักดันน้ำและเครื่องปั่นไฟ โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จัดเครื่องปั่นไฟไปประจำในพื้นที่ที่ศูนย์อพยพทั้ง 5 จุดที่ได้จัดตั้งไว้ คาดว่าน่าจะบริหารจัดการสถานการณ์ให้กลับเข้าสู่สภาพปกติได้ภายในสัปดาห์นี้ ตอนนี้มีปริมาณน้ำฝนมาก เช่นเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ตนลงพื้นที่ตั้งแต่เช้าจรดเย็นฝนตกไม่หยุด เป็นเหตุให้น้ำท่วมเพราะระบายไม่ทันเนื่องจากมีน้ำจากอ.สะเดามาเติม ซึ่งเป็นน้ำหลากมา แต่การระบายน้ำก็ยังดำเนินการอยู่ ซึ่งที่อ.หาดใหญ่ มีคลอง ร.1 สำหรับระบายน้ำเต็มที่

ดันงบเยียวยาให้ครมอังคารนี้

นายกฯกล่าวต่อว่า ขณะนี้ทราบว่าปริมาณฝนและน้ำหลากจะขยายพื้นที่ลงไปใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 จังหวัดรับทราบและเตรียมแผนรับมือไว้แล้ว ส่วนรัฐบาลผนึกกำลังความช่วยเหลือ ทั้งอาหาร ทั้งศูนย์อพยพเครื่องใช้จำเป็น ตลอดจนเร่งอนุมัติเงินเยียวยารายหลังคาเรือนให้ประชาชนเร็วที่สุด ซึ่งจะอนุมัติเป็นกรอบไว้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 25 พฤศจิกายนจะเตรียมการเงินไว้อยู่แล้ว เพราะทราบว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้ พร้อมสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งสำรวจรายชื่อผู้ที่เข้าข่ายที่ได้รับการเยียวยา เพื่อไม่ให้ล่าช้า

เร่งช่วยคนติดค้าง-ปรับปรุงระบบส่งอาหาร

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลายพื้นที่ที่ยังคงมีคนติดค้าง กำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า วันแรกยังขลุกขลักอยู่บ้างต้องวางแผน เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ตอนนี้เรื่องการเตือนภัยระบบเตือนภัยทำงานอยู่ แต่มีการเตือนภัยแล้ว การระดมความช่วยเหลือต่างๆ ถ้าไประดมในจังหวัดคงไม่พอ อาทิ กรณีจังหวัดใหญ่ที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ เช่น อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ตนไปเห็น อย่างหนึ่งที่ต้องปรับปรุงเรื่องอาหาร เพราะเป็นเรื่องสำคัญมาก น้ำท่วมเยอะไฟดับประกอบอาหารไม่ได้ คนติดอยู่ในอาคาร เราต้องเร่งทำอาหารจากรอบนอกไปแจกจ่าย ซึ่งช่วง 1-2 วันแรกมีคนที่ไม่ได้รับอาหาร แต่จากวันนี้เป็นต้นไป ผู้ว่าฯยืนยันว่าการช่วยเหลือได้ระดมไปอย่างเต็มที่แล้ว

สั่งกลางครม.ศก.ระดมสรรพกำลังช่วยหาดใหญ่

เวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 5/2568 โดยก่อนเริ่มประชุม นายกฯได้มอบข้อสั่งการและนโยบายช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคใต้ หนักสุดคือที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งตนและคณะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์เยี่ยมผู้ประสบภัย และมอบให้หน่วยงานในพื้นที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ช่วยเหลือเยียวยากับผู้ประสบภัยเต็มที่ ซึ่งน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ระดับหนึ่งแล้ว ส่วนที่ยังคุมสถานการณ์ไม่ได้คือ ปริมาณน้ำที่ยังเพิ่มต่อเนื่อง เนื่องจากพายุ ปริมาณฝนยังไม่หยุด 2-3 วันที่ผ่านมามีฝนตกตลอดเวลา ทำให้มีน้ำไหลเข้ามาอำเภอหาดใหญ่ กลายเป็นที่รับน้ำและยังมีน้ำจากเขาที่มาจากอำเภอสะเดามาเติม ทั้งที่อำเภอหาดใหญ่ มีคลองชลประทาน ร.1 เป็นที่ระบายน้ำ แต่ยังไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน แต่กรมชลประทานเร่งบริหารจัดการสถานการณ์น้ำเต็มที่ ซึ่งร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรฯลงไปอำนวยการ ซึ่งตนได้รับรายงานเบื้องต้นว่า ได้ขอความร่วมมือกองทัพภาค 4 และกรมชลประทาน ตนให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการผู้ว่าฯรับฟังข้อสั่งการของร.อ.ธรรมนัส เพื่อบูรณาการความร่วมมือทุกหน่วยงาน ตามคำสั่งนายกฯ เพื่อให้สถานการณ์ฃะคลี่คลายโดยเร็ว

ย้ำเข้าข่ายได้รับเยียวยาทุกหลังคาเรือน

นายกฯกล่าวต่อว่า สถานการณ์น้ำท่วมอำเภอหาดใหญ่ ขยายวงกว้างครอบคลุมหลายอำเภอ หนักที่สุดคืออำเภอหาดใหญ่ พื้นที่เศรษฐกิจท่องเที่ยวสำคัญของภาคใต้ ต้องเร่งฟื้นฟูสถานการณ์ให้กลับมาปกติโดยเร็ว ส่วนมาตรการฟื้นฟู สั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสำรวจผู้ประสบภัย ซึ่งเข้าเกณฑ์ทุกหลังคาเรือนบวกกับทรัพย์สินที่เสียหายมีความชัดเจนเข้าเกณฑ์ช่วยเหลือเยียวยา อยากให้เร่งฟื้นฟูให้เร่งดำเนินการและนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป

เสริมฮ.ช่วยขนคนติดค้างในบ้าน

หลังประชุมครม.เศรษฐกิจ นายกฯให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ว่า ระดมทรัพยากรจากทุกหน่วยงานลงพื้นที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) เสริมเฮลิคอปเตอร์เข้าไป เพื่อไปขนสิ่งของเอาไปไว้ให้คนในจุดที่ถนนตัดขาด ส่วนโรงพยาบาลที่เครื่องปั่นไฟไม่พอ ก็ต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปโรงพยาบาลใกล้เคียง อย่างโรงพยาบาลที่สงขลาและจังหวัดใกล้เคียงที่ไม่มีน้ำท่วม แต่ตอนนี้สิ่งที่เราต้องคือ ดูแลผู้ประสบภัยที่ยังอยู่ในบ้าน เร่งให้นายอำเภอไปบอกว่าต้องออกมาอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย และจัดการเรื่องอาหารของใช้ และถุงยังชีพ ให้ถึงมือผู้ประสบภัยในในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. ถ้าไม่มีฝนตกมาเพิ่มเติม จะใช้เวลาระบายน้ำออกประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนเรื่องที่ระบุเรือไม่พออพยพประชาชนนั้น ตอนนี้ใช้เรืออย่างเดียวไม่ได้ เพราะน้ำเชี่ยว ต้องใช้รถยกสูงให้เข้าไปให้ได้มากที่สุด

“สถานการณ์น้ำท่วมยังไม่คลี่คลาย แต่เรื่องอาหาร ยารักษาโรค และการจัดศูนย์พักพิง ตอนนี้เข้ารูปเข้ารอยมากขึ้นกว่าวันแรก แต่เรื่องที่ยังเป็นปัญหาคือ ปริมาณน้ำที่ไหลเข้ามาตรงนี้ เราต้องไปเร่งติดตาม เพราะได้ข่าวว่ายังมีคนติดอยู่ในบ้านชั้นสอง ผมจึงสั่งให้จังหวัดระดมคนหาวิธีช่วยเหลือออกมา ตอนนี้ ร.อ.ธรรมนัส ระดมเฮลิคอปเตอร์ ถึงขั้นเตรียมอุ้มออกจากบ้านโดยเฮลิคอปเตอร์เลย แต่สภาพอากาศแบบนี้ถ้ามีฝนอยู่ด้วย ก็ไม่น่าสะดวก แต่เราก็เตรียมความพร้อมไว้ทุกทรัพยากรที่มีอยู่ตอนนี้”นายกฯกล่าว

ตั้ง“ธรรมนัส”นั่งผอ.ศูนย์ศนภ.

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะประธานกรรมการคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.)ลงนามตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศนภ.) มีร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ กำกับดูแลการบูรณาการหน่วยงานที่บริหารจัดการน้ำ ช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ภัยพิบัติได้ทันที ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพ

สั่งรับมือวิกฤติน้ำท่วม5จว.ใต้

นายสิริพงศ์กล่าวต่อว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในจังหวัดสงขลา และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง รัฐบาลเร่งดำเนินมาตรการรองรับและแก้ปัญหาเร่งด่วน มอบหมายให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (ส่วนหน้า) จังหวัดสงขลา เป็นศูนย์บัญชาการส่วนหน้าสำหรับการช่วยเหลือประชาชนในภาคใต้ตอนล่าง 5 จังหวัด ได้แก่ สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เป็นจุดรวมการประสานและสั่งการทรัพยากรเข้าพื้นที่ประสบภัยทันที มีภารกิจหลักในการประสานความต้องการสนับสนุนในพื้นที่ พร้อมจัดส่งทรัพยากรด้านเครื่องจักรกลสาธารณภัยช่วยประชาชนใน 5 จังหวัดภาคใต้ เช่น เรือเล็ก เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ เครื่องสูบน้ำ รถยกสูง รถผลิตน้ำดื่ม รถประกอบอาหาร สะพานเบลีย์ และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า สนับสนุนภารกิจช่วยประชาชนเต็มศักยภาพ

ปภ.เตือนภัย5จว.ใต้รับฝนหนัก-ท่วมสูง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์อุทกภัยยังทรงตัวในหลายพื้นที่ภาคใต้ โดยกลางดึกที่ผ่านมาตั้งแต่เวลา 23.07 น.ถึงเช้ามืดเวลา 04.44 น. ของวันนี้ กรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ AIS True และ NT ส่ง ข้อความแจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast แจ้งเตือนหลายพื้นที่ให้เตรียมรับมือปริมาณน้ำฝน ได้แก่ จ.ปัตตานี สงขลา พัทลุง ตรัง แจ้งเตือนน้ำท่วม อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา อ.กาบัง จ.ยะลา พื้นที่ลุ่มต่ำริมคลองหลา ต.คลองหลา ต.คลองหอยโข่ง ต.โคกม่วง อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา แจ้งเตือนระดับน้ำท่วมเพิ่มสูงขึ้น อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมทั้งแจ้งข้อควรปฏิบัติให้ประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยทราบ

นราฯอพยพ-น.บางนรา-สายบุรีเพิ่มสูง

เช่นเดียวกับ ในจ.นราธิวาส ระดับน้ำในแม่น้ำบางนราและแม่น้ำสายบุรี ในอ.ตากใบ อ.เจาะไอร้อง อ.ระแงะ อ.เมือง อ.จะแนะ อ.ศรีสาคร อ.รือเสาะ น้ำล้นตลิ่งและมีระดับเพิ่มสูงขึ้น ขอให้ผู้อยู่ริมแม่น้ำ/คลองสาขา เคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบางไปที่ปลอดภัย ขอแนะนำให้ผู้ที่อยู่พื้นที่ลุ่มต่ำอพยพไปยังพื้นที่สูงหรือศูนย์พักพิงชั่วคราวใกล้บ้านทันที ทั้งนี้ ปภ.ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ AIS True และ NT ส่งข้อความแจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast แนะนำให้อพยพออกจากพื้นที่ลุ่ม อ.ตากใบ อ.เจาะไอร้อง อ.ระแงะ อ.เมือง อ.จะแนะ อ.ศรีสาคร อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

10จว.จมบาดาลกระทบ7แสนครัวเรือน

นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ปภ. ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์อุทกภัยใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดอุทกภัยเป็นวงกว้าง ปัจจุบันมีสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ 10 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวม 92 อำเภอ 581 ตำบล 4,146 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน 719,858 ครัวเรือน 1,917,521 คน สถานการณ์น้ำภาพรวมปัจจุบันระดับน้ำเพิ่มขึ้น ซึ่ง ปภ. สั่งการให้ ปภ.ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ระดมทรัพยากรเครื่องจักร

และเจ้าหน้าที่ทีมปฏิบัติการลงภาคใต้ เพื่อกู้ภัยและช่วยเหลือประชาชน

อุตุฯฉ.20ยังเตือนฝนถล่มใต้ถึง25พย.

เวลา 17.00 น. วันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบน ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย มีผลกระทบจนถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ฉบับที่ 20 ระบุว่า ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมภาคใต้ตอนล่างและมาเลเซีย ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันยังมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ฝนที่ตกสะสม น้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีกจนถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top