วันอังคาร ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
'ดร.เสรี'ประเมินสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ ชี้พื้นที่เศรษฐกิจยังต้องจมน้ำไปจนถึงกลางเดือนธันวาคมเป็นอย่างต่ำ
เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2568 รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต และรองประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้โพสต์เฟสบุ๊ค สถานการณ์น้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยได้ประเมินจากปริมาณน้ำว่า พื้นที่เศรษฐกิจในหาดใหญ่ ยังต้องจมน้ำไปจนถึงกลางเดือนธันวาคมเป็นอย่างต่ำ
โดยรศ.ดร.เสรี ระบุว่า แม้ว่าระดับน้ำตอนบนจาก อ.สะเดาจะเริ่มลดลงเมื่อเช้านี้ แต่จะไหลไปเพิ่มตอนล่างคือก่อนเข้าเมือง และพื้นที่ในเมืองโดยเมื่อเวลา 07.00 วันนี้ระดับน้ำท่วมเพิ่มขึ้นมาเกือบ 2 เมตรจากระดับเมื่อวาน จากบ้านจมน้ำ 1 เมตรเป็นน้ำมิดบ้าน จากบ้านในที่ลุ่มต่ำค่อนบ้าน (บริเวณเทศบาลควนลัง ม.หาดใหญ่) เป็นมิดหลังคาบ้าน แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร ? เราจะอยู่กันอย่างนี้อีกนานไหม ?
ผมเพียงประเมินจากผู้ที่เคยออกแบบคลอง ร.1 และมีพรรคพวกเพื่อนฝูงทำธุรกิจอยู่ในหาดใหญ่ รวมทั้งเคยร่วมสู้ และฝึกซ้อมแผนกับเทศบาลหาดใหญ่เมื่อน้ำท่วมปีที่ผ่านมา ปีนี้ภารกิจผมตั้งแต่น้ำท่วมภาคเหนือ ภาคกลาง กำลังวางแผนไปภาคใต้ จากระดับ และปริมาณน้ำที่ผมกล่าว ทำให้พื้นที่เศรษฐกิจยังต้องจมน้ำไปจนถึงกลางเดือนธันวาคมเป็นอย่างต่ำ ปริมาณน้ำฝน ระดับน้ำ และน้ำหลากมากกว่าปี 2553 ปริมาณฝน 5 วันสะสม (21-25 พฤศจิกายน) ประมาณ 850 mm คิดเป็นปริมาณน้ำท่าประมาณ 1,200-1,500 mcm ถ้าการระบายน้ำโดยธรรมชาติจากคลอง ร.1 และคลองอู่ตะเภาทำได้เต็มที่ประมาณวันละ 155 mcm จึงต้องใช้เวลาประมาณ 10 วัน แต่เรามีเครื่องสูบน้ำปลายคลอง ร.1 (ประมาณวันละ 2-3 mcm) และจำเป็นที่ต้องใช้สูบในที่ลุ่มต่ำ หลังจากน้ำลดระดับลงต่ำกว่าคันกั้นน้ำ รวมทั้งเครื่องผลักดันน้ำปลายคลอง ประกอบกับอุปสรรคที่สำคัญ ระดับน้ำทะเลหนุนสูงช่วงนี้จนถึงปลายเดือนนี้ และจะระบายน้ำได้ดีก่อนวันที่ 3 ธันวาคม และช่วง 12-16 ธันวาคม จึงทำให้ไม่สามารถระบายน้ำได้เต็มศักยภาพ น้ำจึงอาจจะอยู่กับพี่น้องจนถึงกลางเดือนธันวาคมน่ะครับ
ผมได้แนบโครงสร้างการจัดการภัยพิบัติในภาวะวิกฤต ตาม พรบ. ป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ 2550 มาประกอบ จะเห็นว่าเรามีคณะกรรมการฯระดับชาติ และระดับท้องถิ่นดูแลอยู่ ซึ่งขณะนี้มีการยกระดับเป็นภัยระดับ 3 มี มท.1 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น จนถึงระดับชาติต้องทำแผนป้องกันตนเองตามองค์ประกอบแผน 4 ด้าน (2P2R) กล่าวคือ P1 การเตรียมการป้องกัน และลดผลกระทบ P2 การเตรียมความพร้อมรับภัย R1 การจัดการในภาวะฉุกเฉิน แลพ R2 การจัดการหลังการเกิดภัย เหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ และที่อื่นๆ รัฐบาลไม่ได้ใช้กลไกรตาม พรบ. นี้ มีการตั้งคณะกรรมการฯ โดยใช้ระเบียบสำนักนายกฯ ดังที่ทราบกัน
ประกอบกับภารกิจท้องถิ่น P2 และ R1 มีปัญหาในการจัดการ แม้ว่าได้มีการเตือนภัย ก่อนล่วงหน้า 2-5 วัน แต่มันเกิดอะไรขึ้น เราจึงเห็นพี่น้องติดอยู่บนหลังคา รถยนต์น้ำท่วม นักท่องเที่ยวติดค้างไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่มีข้อมูล ผู้ป่วยติดเตียง เด็ก และผู้ชรา ผู้เปราะบางร้องขอความช่วยเหลือเต็มไปหมด ยานพาหนะต่างๆไม่เพียงพอ ไม่มีศูนย์การจัดการความช่วยเหลือ มีเพียงอาสามัครที่เสียสละรวมพลเข้ามา และที่สำคัญขาดการบังคับบัญชาการตอบสนองเหตุการณ์ เมื่อรู้ว่าน้ำจะยกตัวสูงขึ้นเกือบ 2 เมตร ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจ ทำไมไม่ทำอะไรเลย ปล่อยประชาชนเผชิญชะตากรรม ผมได้แนะนำไปว่าต้องตีคันถนนเพื่อระบายน้ำออกก่อนเข้าพื้นที่เศรษฐกิจ ลดภาระ ลดความสูญเสีย ? ท้ายที่สุด ผมขอเป็นกำลังใจพี่น้องทุกท่าน อย่าหยุด อย่าท้อถอย ทีมงานผมจะลงไปช่วยท่านเร็วๆนี้ครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี