วันอังคาร ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ศาลฎีกาฯไต่สวนคดี หมอเกศ ใช้วุฒิปลอมสมัครส.ว.อดีตผู้สมัคร สว.พยานไล่ไทม์ไลน์มัด "หมอเกศ“หนึ่งเดียวในโลก ใช้เวลาเเค่ 2 ปีจาก ป.โท.สู่ศาสตราจารย์ ศาลนัดไต่สวน พยานฝ่ายหมอเกศต่อ 8 ธันวาคม
วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.30 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สนามหลวง ศาลนัดไต่สวนพยานผู้ร้อง นัดแรกคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยตามมาตรา 62 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561ของน.ส.หรือพญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ผู้คัดค้านโดยขอให้ศาลฎีกาแผนกเลือกตั้งมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิการสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและดำเนินคดีอาญาของผู้คัดค้าน เนื่องจากเข้าข่ายเป็นการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถหรือชื่อเสียงหรือชื่อเสียงเกียรติคุณ ตามมาตรา 77 (4) พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
กรณี พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย หรือหมอเกศ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ผู้คัดค้าน กระทำการหลอกลวง ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดเกี่ยวกับคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณ อันเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 77(4) ของกฎหมาย
ทั้งนี้กรณีดังกล่าวเกิดจากการที่ พญ.เกศกมล ใช้ตำเเหน่งศาสตราจารย์ในการสมัครเป็น ส.ว.
วันนี้กกต. ผู้ร้องนำพยานเข้าไต่สวน จำนวน 4 ปาก ประกอบด้วยอดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา 2 คน เจ้าหน้าที่สืบสวนไต่สวน สำนักงาน กกต 2คน
ขณะที่วันนี้พญ.เกศกมล ผู้คัดค้านเดินทางมาศาล
โดยพยานฝ่ายผู้ร้องปากเเรก เป็นอดีตผู้สมัคร ส.ว. กลุ่ม 19 อาชีพทนายความ เบิกความสรุปว่า จากการตรวจสอบเอกสารของพญ.เกศกมล ในใบสมัครสว. 3 พบว่าใช้คำว่า"ศาสตราจารย์" เมื่อตรวจค้นข้อมูลของหน่วยงานพบว่าไม่มีชื่อผู้คัดค้านได้รับการโปรดเกล้าให้เป็นศาสตราจารย์และไม่พบเคยเป็นอาจารย์ หรือมีผลงานทางวิชาการ แต่การใช้ตำแหน่งนี้อาจจะทำให้ผู้มีสิทธิเลือกส.ว.เข้าใจผิด
ขณะที่ทนายความของพญ.เกศกมล ได้ซักค้านการได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์จากต่างประเทศนำมาใช้นำหน้าได้หรือไม่และมีกฎหมายฉบับใดที่ห้ามนำมาใช้ในการสมัคร ส.ว.
โดยพยานฝ่ายผู้ร้องยอมรับว่าการสมัครการสมัครส.ว.ไม่ได้มีกรอบกำหนดในเรื่องของการใช้วุฒิการศึกษา แม้จะเป็นวุฒิการศึกษาจากต่างประเทศ หากจะนำมาใช้จะต้องมีการเทียบ ส่วนการแนะนำตัวยอมรับว่าระเบียบกกต.ไม่ได้ห้ามไว้ แต่จะต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง พร้อมยอมรับว่าได้มีการตรวจสอบเกี่ยวกับวุฒิการศึกษาเฉพาะในประเทศไทยไม่ได้ตรวจสอบในต่างประเทศ
ส่วนพยานปากที่ 2 อาชีพทนายความ ขึ้นเบิกความว่า ผู้คัดค้านไม่มีสิทธิ์ใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์ เพราะสถาบันแคลิฟอร์เนีย ยูนิเวอร์ซิตี้ FCE . ไม่ใช่สถาบันระดับอุดมศึกษาของสหรัฐอเมริกา แต่เป็นเพียงหน่วยงานรับเปรียบเทียบวุฒิการศึกษาสำหรับชาวต่างชาติ และเปิดสอนระดับอนุบาลและประถมศึกษาเท่านั้น ผู้คัดค้านไม่เคยสอนหนังสือหรือมีผลงานทางวิชาการเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ และในการเทียบวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอกจะต้องมีวิทยานิพนธ์ซึ่งเป็นที่ยอมรับและถูกบันทึกไว้ในระบบการค้นหาของการศึกษาทั่วโลก และเอกสารเทียบวุฒิการศึกษาของน.ส.เกศกมลที่นำส่งกกตและให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน มีรายละเอียดที่แตกต่างและเปลี่ยนไป อีกทั้งยังพบว่าเอกสารการรับรองแต่ละหน้า ลายมือชื่อรับรองเอกสารไม่ใช่ลายเซ็นจริงแต่เป็นลายเซ็นจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งเหมือนกันทุกฉบับ จะมีแตกต่างกันบ้างเรื่องความหนาและบางของลายเส้น อีกทั้งวันลงนามใบรับรอง ระบุวันที่ล่วงหน้าก่อนที่จะได้รับตัวเลขเอกสาร ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะการลงนามจะต้องกระทำเมื่อได้รับเอกสารแล้ว ไม่ใช่เป็นการลงนามไว้ล่วงหน้า ต่อมาพบว่ามีการปรับแก้เอกสารเพื่อให้วันที่สอดคล้องกัน อีกทั้งสถาบันแคลิฟอร์เนีย ยูนิเวอร์ซิตี้ FCE ให้ข้อมูลเท็จโดยระบุในหน้าเว็บไซต์ว่ารัฐสภาไทยยอมรับการเทียบวุฒิจากมหาวิทยาลัยแล้ว และรัฐบาลไทยยังให้การยอมรับรัฐมนตรีที่เคยได้รับการเทียบวุฒิจากมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้เห็นว่าการเข้าสู่ตำแหน่งศาสตราจารย์ของพญ.เกศกมล ภายหลังได้รับการเทียบวุฒิปริญญาโทใช้เวลาไม่ถึง 2 ปี ซึ่งทั้งโลกนี้ไม่มีใครทำได้ โดยมีไทม์ไลน์ดังต่อไปนี้ ใช้ระยะเวลา 8 เดือน ใช้คำนำหน้าว่าดอกเตอร์ (ดร.) ต่อมาอีก 5 เดือน ใช้คำนำหน้าว่ารองศาสตราจารย์ จากนั้นอีกไม่นานก็ใช้คำว่าศาสตราจารย์ ทั้งนี้ยังพบว่าผลงานทางวิชาการ 7 บทความที่อ้างอิงสำหรับการได้รับวุฒิการศึกษานั้นจากการตรวจสอบพบว่ามีเพียง 2 บทความเท่านั้นที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการที่ได้รับการยอมรับ พร้อมยอมรับว่าการตรวจสอบวุฒิการศึกษาของพญ.เกศกมล เป็นเพียงการตรวจสอบจากเว็บไซต์ต่างประเทศไม่ได้ตรวจสอบจากสถาบันการศึกษาในต่างประเทศโดยตรง
ศาลได้ไต่สวนพยานผู้ร้องแล้วเสร็จ และนัดไต่สวนพยานผู้คัดค้านต่อไป วันที่ 8 ธันวาคม นี้ เวลา 09.30 น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี