น้ำป่าลงบรรทัดซัดท่วมย่านตาขาวรอบ 2 ชาวบ้านติดค้างหลายหลังคาเรือน กู้ภัยเร่งอพยพต่อเนื่อง เผยนาทีเข้าช่วยเหลือ 4 ชีวิต พ่อแม่ลูก ติดค้างภายในบ้าน 5 ชั่วโมง ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ขณะหญิงวัย 55 ฝ่าน้ำเชี่ยวดูแลสุนัข 36 ตัวไม่ยอมทิ้งบ้าน

26 พ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ เขตเทศบาล ต.ย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ภายหลังจากเกิดน้ำป่าไหลหลากลงมาจากเทือกเขาบรรทัด และปริมาณน้ำฝนที่ตกต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำเข้าท่วมซ้ำเป็นรอบที่ 2 ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วนั้น ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง รวมทั้งน้ำอยู่ในระดับที่ทรงตัว แต่บางจุดมีระดับน้ำที่ลดลง โดยเจ้าหน้าที่จะต้องเฝ้าระวังปริมาณฝนอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามน้ำจากเทือกเขาบรรทัดยังคงมีปริมาณที่มากอยู่เช่นเดียวกัน ซึ่งมวลน้ำเหล่านั้นจะไหลลงมายัง อ.ย่านตาขาว

ทั้งนี้ยังคงมีชาวบ้าน ผู้สูงอายุ และเด็กยังคงติดค้างอยู่ภายในบ้านอีกจำนวนหนึ่ง โดยในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังคงปฎิบัติการเข้าช่วยอยู่ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา

นายณรงค์ ตุลยสุข เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ทีมกู้ภัยได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ติดค้างอยู่ภายในบ้านในชุมชนในบ้าน หลังระดับน้ำเพิ่มสูงจนอยู่ในระดับหัว ทั้งยังมีการตัดกระแสไฟฟ้า ทำให้จำเป็นต้องอพยพประชาชนออกมาจากพื้นที่เสี่ยง โดยในวันดังกล่าวทีมกู้ภัยได้เข้าไปช่วยเหลือบ้านเรือนประมาณ 10–20 หลังคาเรือน สามารถอพยพประชาชนออกมาได้กว่า 100 ชีวิต เนื่องจากบ้านส่วนใหญ่เป็นบ้านชั้นเดียวและระดับน้ำท่วมสูงจนเกือบมิดหลังคา ขณะที่บ้านที่มีสองชั้น ชาวบ้านยังสามารถอาศัยอยู่บริเวณชั้นบนได้

นายณรงค์ ระบุว่า หนึ่งในเคสที่น่าเห็นใจเมื่อวานนี้เป็นบ้านในพื้นที่ลุ่มต่ำจุดที่เรือกู้ภัยแล่นเข้าไปแทบไม่เห็นตัวบ้านหรือประตู เนื่องจากระดับน้ำท่วมสูง เหลือเพียงช่องเล็ก ๆ ให้คนลอดเข้าออก ทีมกู้ภัยสามารถอพยพคนในบ้านออกมาได้ทั้งหมด 4 ราย หลังติดอยู่ภายในบ้านนานกว่า 5 ชั่วโมง ประกอบด้วยผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว ภรรยา และลูกอีกสองคน โดยเจ้าของบ้านได้โพสต์ขอความช่วยเหลือผ่านเฟซบุ๊กก่อนมีผู้ประสานมายังกองอำนวยการ และต่อเนื่องถึงชุดเรือของมูลนิธิกุศลสถานตรัง ซึ่งใช้ระบบเชือกไลน์ในการเข้าช่วยเหลือจนสามารถนำผู้ป่วยและผู้ประสบภัยออกมาได้อย่างปลอดภัย

สำหรับวันนี้ ทีมกู้ภัยยังคงปฏิบัติภารกิจอพยพประชาชนที่ยังตกค้างอยู่ภายในพื้นที่ต่อเนื่อง พร้อมทำหน้าที่เป็นทีมเรือสำหรับเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บที่ไม่สามารถออกมาด้วยตัวเอง โดยจะนำผู้บาดเจ็บส่งต่อให้รถพยาบาลด้านนอก ขณะนี้ยังมีประชาชนติดค้างอีกหลายหลังคาเรือน ซึ่งบริเวณด้านในยังคงมีระดับน้ำสูงประมาณ 2–3 เมตร เนื่องจากเป็นพื้นที่ติดลำคลอง คาดว่าสถานการณ์น้ำจะเริ่มลดลง หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติม

น.ส.ภาริชาติ สุขเกษม อายุ 55 ปี ชาวบ้านในชุมชนซอยในบ้าน เล่าว่า ตนอาศัยอยู่บริเวณนี้มาตั้งแต่เกิด บ้านตั้งอยู่ติดลำคลองและเคยประสบปัญหาน้ำท่วมมาตลอดตั้งแต่ยังเป็นเด็ก โดยครั้งที่หนักที่สุดคือช่วงที่เขื่อนพังในอดีต และครั้งนี้ถือว่าเป็นรอบที่หนักอีกครั้ง เนื่องจากน้ำเข้าท่วมบ้านถึงสองรอบภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน บ้านของตนเป็นบ้านชั้นเดียว และอาศัยอยู่เพียงลำพังกับสุนัขจำนวน 36 ตัว ตนต้องเผชิญความอดอยากตั้งแต่วันที่น้ำเริ่มเข้าท่วม โดยต้องลอยคอออกจากบ้านพร้อมใส่เสื้อชูชีพเพื่อหาอาหารให้สุนัข แต่ร้านค้าในระแวกใกล้เคียงต่างปิดหมดตั้งแต่วันแรกที่น้ำท่วม อีกทั้งกระแสน้ำยังไหลเชี่ยวมาก ทำให้การออกไปหาของกินในระยะทางสั้น ๆ ต้องใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง เธอยอมสละสิ่งของและทรัพย์สินภายในบ้านทั้งหมดเพื่อยกพื้นที่ให้สูงที่สุดสำหรับให้สุนัขอาศัยอยู่ เมื่อวานที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้เข้าไปช่วยเหลือ สามารถนำสุนัขตัวเล็กออกมาไว้ที่บ้านสองชั้นที่อยู่ติดกันได้บางส่วน แต่สุนัขตัวใหญ่ยังต้องอยู่ภายในบ้านชั้นเดียวตามเดิม

ล่าสุด ระดับน้ำทรงตัวมาตั้งแต่ช่วงประมาณสามถึงสี่ทุ่มของเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ตนยังคงกังวลว่าจะมีน้ำเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ เพราะฝนยังคงตกต่อเนื่อง ขณะนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้อพยพออกไปอยู่ด้านนอกกันหมดแล้ว เหลือตนเพียงคนเดียวที่ยังอยู่ในบ้าน

น.ส.ภาริชาติระบุว่า ตนไม่อยากอพยพออกมา แต่หากสามารถพาสุนัขทั้งหมดออกไปด้วยกันได้ ก็พร้อมจะย้ายออกจากพื้นที่ แต่หากไม่สามารถนำสุนัขออกมาได้ครบ ตนก็จะไม่ยอมอพยพ และจะอยู่ดูแลสุนัขต่อไป