จับจนท.สรรพากร  รีดบริษัทฯ1แสน  แลกไม่เสียภาษี  เก็บเข้ารัฐ8แสน

จับจนท.สรรพากร รีดบริษัทฯ1แสน แลกไม่เสียภาษี เก็บเข้ารัฐ8แสน

วันศุกร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

กำลังตำรวจ ปปป.ร่วมกับ ป.ป.ท.และ ป.ป.ช.บุกรวบเจ้าหน้าที่สรรพากร ทุจริต เรียกรับเงินบริษัทจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ 1 แสนบาท แลกกับการไม่ถูกเรียกเก็บภาษี 8 แสนบาท ถูกซ้อนแผนรวบคาที่ทำงาน ยังปัดข้อหา ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ด้านกรมสรรพากร สั่งย้ายด่วน ตั้งกรรมการฯ ฟันผิด

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.สั่งการ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ประทุมราช ผกก.1 บก.ปปป. ร่วมกับนายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพรชพูล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.นำกำลังจับกุม นายชิตพล อัศวปกรณ์อายุ 33 ปี นักตรวจสอบภาษีปฏิบัติการ สังกัดสำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 8 ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหาเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับผลประโยชน์โดยมิชอบฯ,เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต , เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับผลประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ จับกุมได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 8 เลขที่ 9/599 อาคารทวินันท์บิลดิ้ง ซอยวัดลาดปลาเค้า 78 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์เขตบางเขน กทม.


การจับกุมดังกล่าวเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีบริษัทประกอบธุรกิจจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป.ว่าถูกนายชิตพล เข้าตรวจสอบภาษีประจำปี และเรียกเก็บค่าภาษีของปี 2566-2567 กับทางบริษัทฯ โดยคำนวณภาษีและค่าปรับเพิ่มเติมกรณีภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ตรงกับ ภ.ง.ด.50 (ภาษีเงินได้รายปี) ที่บริษัทฯ ต้องจ่ายให้แก่รัฐประมาณ 800,000 บาทต่อมานายชิตพล เสนอกับบริษัทฯ ว่าหากไม่ต้องการจ่ายค่าภาษีและค่าปรับดังกล่าว ให้หาเงินมาจ่ายให้ 100,000 บาท แล้วจะยุติเรื่อง ทางบริษัทฯ จึงต่อรองเหลือ 50,000 บาท ก่อนจ่ายเงินงวดแรก 40,000 บาท

จากนั้นทางบริษัทฯ เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการกระทำครั้งนี้ จึงเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป.จนมีการรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับผู้ต้องหาก่อนจะซ้อนแผนให้บริษัทฯ นำเงินส่วนที่เหลืออีก 10,000 บาท ไปมอบให้ แล้วเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมของกลาง

สอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป.รับไว้ดำเนินคดีต่อไป

ด้านกรมสรรพากรแจ้งว่าได้พิจารณาดำเนินการดังนี้ 1.กรมสรรพากรมีคำสั่งย้ายนายชิตพล ออกจากตำแหน่งเดิม โดยให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการให้บริการประชาชนหรืองานที่มีอำนาจพิจารณาทางภาษี เพื่อไม่ให้ มีโอกาสเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน หรือใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ การย้ายผู้ถูกกล่าวหาออกจากพื้นที่ปฏิบัติงานเดิมเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่สำนักงาน ป.ป.ช.ตำรวจบก.ปปป.และป.ป.ท.สอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีอาญาได้อย่างเต็มที่และเป็นไปตามกฎหมาย 2.กรมสรรพากรแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 เพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงเร่งด่วนและโปร่งใส เพื่อลงโทษทางวินัยขั้นสูงสุด

ทั้งนี้ กรมสรรพากรขอให้ความมั่นใจแก่สาธารณชนว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา รวดเร็วและเป็นธรรม เพื่อธำรงไว้ซึ่งเกียรติภูมิข้าราชการที่ดี และพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามการทุจริตอย่างเต็มที่ พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ร้ายแรง เป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ และเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนและผู้ประกอบการที่มีต่อกรมสรรพากรและระบบภาษีอากรของประเทศ กรมสรรพากรเน้นย้ำในหลักการบริหารงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต การเรียกรับสินบนถือเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมและวินัยข้าราชการอย่างร้ายแรง จะต้องมีการดำเนินการทางวินัยขั้นสูงสุดต่อไป

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top