ตร.สอบเส้นเงิน
พระฉาวส่อยักยอกเงินวัดโสธรฯ
‘เจ้าคณะพิจิตร’โผล่
ปัดเกี่ยวพันสีกากอล์ฟ
สมภารวัดใหญ่ฯอ้าง
ขอลากิจไปต่างจังหวัด
ตำรวจบก.ปปป.เดินหน้าสอบปมพระเกี่ยวพัน “สีกากอล์ฟ” ยอมสึกแล้ว 6 อีกส่วนหายตัว ยังติดต่อไม่ได้ โร่ตรวจเส้นเงินโอนไปมาระหว่าง พระ-สีกา ด้านเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร โผล่ร่วมงานวัดปัดเกี่ยวข้องสีกา ขณะที่พระราชันย์ จ.พิจิตร ยันไม่เคยมีสัมพันธ์สวาทได้รับเงินโอนช่วยน้ำท่วมแม่สาย ส่วน สมภารวัดกัลยาณ์ เผยผู้ช่วยฯออกจากวัดไปแล้ว ไม่ทราบเรื่องว่าเกิดอะไร ด้าน พศ.ชงเพิ่มโทษพระเสพเมถุน
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.นำกำลังตำรวจ บก.ปปป.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ปปท.เข้าตรวจสอบวัดต่างๆ อาทิ วัดปากน้ำภาษีเจริญ วัดโสธรวราราม ฯลฯ หลังจากพบว่ามีพระชั้นผู้ใหญ่ในวัดดังกล่าว พัวพันกับสีกากอล์ฟ ตามที่พบข้อมูลภาพและคลิปในลักษณะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ภายในโทรศัพท์มือถือของสีกากอล์ฟ รวมกว่า 80,000 ภาพ ซึ่งทางตำรวจชี้ชัดได้ว่ามีพระที่เข้าข่ายกระทำผิดวินัยสงฆ์ถึงขั้นอาบัติปาราชิก 8 ราย โดยยอมลาสิขาแล้ว 6 ราย และยังมีพระที่หายตัวไปจากวัดและยังไม่สามารถติดต่อได้อีกส่วนหนึ่ง
สำหรับพระที่ทำการลาสิขาแล้ว ประกอบด้วย พระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ (ลาสิขาก่อนหน้าจะมีการเปิดเผยเรื่องภาพและคลิปกับสีกากอล์ฟ) , พระครูปลัดสุรพล อิทธิเตโช เจ้าอาวาสวัดพรหมเกษร , พระเทพวชิวธีรคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ , พระเทพวชิรธีราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย , ศ.ดร.พระมหาบุญเลิศ ช่วยธานี พระลูกวัดวัดใหม่ยายแป้น , พระเทพปวรเมธี หรือเจ้าคุณประสิทธิ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร และพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร
มีรายงานข่าวว่า สำหรับพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ได้ลาสิกขาที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.ชัยภูมิ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีคณะสงฆ์เป็นสักขีพยาน เจ้าตัวระบุว่า “กระผมได้แจ้งไปยังสังกัดวัดโสธรฯ ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กระผมได้ลาสิกขา เพื่อดำรงไว้ซึ่งความงดงามแห่งหมู่สงฆ์ จึงกราบเรียนมาเพื่อทราบ รบกวนแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รับทราบด้วย”
ที่ วัดโสธร ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา พบว่าบริเวณสำนักงานกุฏิพระครูสิริวิริยธาดา ปิดเงียบ ต่อมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท.เดินทางเข้าพบพระเทพภาวนาวชิรคุณ วิ.(ศิริวัฒน์ สิริวฑฺฒโน) เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เพื่อนำหลักฐานของอดีตพระครูสิริวิริยธาดา มาชี้แจงถึงพฤติกรรมการกระทำผิดวินัยสงฆ์ จนถึงขั้นปาราชิก กรณีมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสีกากอล์ฟ
ขณะเดียวกัน ทางวัดได้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ให้รับทราบว่าอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ได้เข้าพิธีลาสิกขาแล้ว เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดที่ได้ก่อไว้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเจ้าตัวจะยอมลาสิกขา แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังจำเป็นที่จะต้องเชิญตัวมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพิ่มเติม รวมทั้งตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีการกระทำความผิดนอกเหนือจากวินัยสงฆ์ ด้วยหรือไม่
มีรายงานว่าทางเจ้าหน้าที่พบหลักฐานที่อาจจะเกี่ยวกับการยักยอกเงินวัด ซึ่งจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างประสานอดีตพระผู้ใหญ่ที่ลาสิกขาไปแล้วทุกราย เพื่อเข้าให้ข้อมูลในประเด็นที่ตกเป็นเหยื่อสีกากอล์ฟ หรือสมัครใจมีความสัมพันธ์กัน แต่ทั้งหมดยังไม่พร้อมจะเข้าพบตำรวจ
ส่วนที่วัดท่าหลวง พระอารามหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร พระเทพวัชรสิทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง หนึ่งในพระผู้ใหญ่ที่มีรายชื่อพัวพันสีกากอล์ฟ และหายไปจากวัดก่อนหน้านี้ ได้เดินทางมาที่ศาลาสภาบริหารคณะสงฆ์ เพื่อร่วมประกอบพิธีทำบุญเนื่องในวันเข้าพรรษา โดยมีประชาชนยังคงนำอาหารและสิ่งของที่จำเป็นต่อพระภิกษุสงฆ์ช่วงเข้าพรรษา มาถวายอย่างต่อเนื่อง
พระเทพวัชรสิทธิเมธี กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ทำงานหลายที่โดยกิจวัตรของตนคือทำวัตรเช้าในพระอุโบสถ จากนั้นก็จะจัดการบริหารงานภายในวัดท่าหลวง แล้วก็จะเดินทางไปที่วิทยาลัยสงฆ์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร ซึ่งกำลังปรับปรุงเพื่อเร่งให้ทันการประเมินวิทยาลัยสงฆ์
พระเทพวัชรสิทธิเมธี กล่าวอีกว่าช่วงก่อนหน้านี้มีสื่อมวลชนเข้ามาในวัดเพื่อติดตามทำข่าว ทำให้มีผลกระทบเป็นการทำลายสมาธิของพระสงฆ์ สามเณรที่กำลังศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย อย่างมาก มีการตั้งกล้อง นั่งเฝ้าจนพระ เณรไม่สามารถทำกิจของสงฆ์ได้ อีกทั้งยังบุกไปที่บ้านของอาตมา ซึ่งมีมารดาอายุกว่า 90 ปี อาศัยอยู่ เป็นการรบกวนท่านเป็นอย่างมาก หากมารดาเป็นอะไรไป สื่อมวลชนจะรับผิดชอบหรือไม่ หลังจากนี้หากมีอะไรก็ให้ติดต่อทนายประจำวัด ส่วนตัวแล้วยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ และยินดีที่จะเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ความจริง
ขณะที่ นายกิจชัย บุญปู่ ทนายความประจำวัดท่าหลวง กล่าวว่า หากใครมีข้อมูลอะไรก็ขอให้ส่งข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) หรือตำรวจ เพื่อจะได้เข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ความจริง ตนไม่อยากให้เกิดภาพของการพูดกันไปมา คนโน้นพูดที คนนี้พูดที ไม่รู้จบ ส่วนตอนนี้ยังไม่มีการฟ้องร้องสื่อมวล หรือใครแต่อยากขอร้องสื่อมวลชน ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความพอดี ไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เพราะมีสื่อบางสำนักเข้าไปหาข้อมูลกับแหล่งข่าวกับชาวบ้าน จนเป็นการรบกวนจนเกินความพอดี รวมทั้งสิทธิส่วนบุคคล
วันเดียวกัน พระอธิการราชันย์ อริโย หรือพระครูวาทีพัชรโสภัน หรือพระราชันย์ อริโย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ พระอารามหลวง จ.เพชรบูรณ์ พระนักเทศน์ชื่อดัง ซึ่งเดินทางไปอยู่ที่ จ.พิษณุโลก นานหลายปี เปิดเผยต่อสื่อมวลชนถึงเรื่องเงินที่ได้รับโอนจากสีกากอล์ฟ ว่าก่อนหน้านี้ทางสีกากอล์ฟ ได้โทร.มาถามขณะที่ซื้อของที่แม็กโคร จึงถามไปว่าสีกากอล์ฟ ไม่คิดทำบุญบ้างเหรอ ทำแต่บาป เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เขาจึงขอเลขบัญชีธนาคาร แล้วโอนเงินมาทำบุญ 29,999 บาท
“ฉันรู้จักมันก่อน แต่ไม่ได้คบค้าสมาคม กล้าพูดได้เลย มิฉะนั้นชีวิตมีอันเป็นไป ถ้าฉันมีอะไรหรือสัมพันธ์สวาทกับมัน อย่าว่าแต่ไปล่วงละเมิด แค่ถ้าเอามือไปแตะแขนเท่านั้น โยมมาฆ่าฉันเลย ฉันยอมสึก” พระราชันย์ กล่าวและว่า ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับสีกา กล้าเอาชีวิตเดิมพัน ท้าเลย เขาโอนเงินมาทำบุญช่วยน้ำท่วม แม่สาย จ.เชียงราย แค่รับเงินโอนเท่านั้น พอเห็นข่าวสีกากอล์ฟกับพระ ฉันก็เคยด่าไปว่ามาหากินกับพระ
ที่ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ผู้สื่อข่าวสอบถามพระพรหมกวี (พงศ์สันต์ ธมฺมเสฏฺโฐ) เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯถึงเรื่องที่ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ปรากฏชื่อเป็นข่าวพัวพันกับสีกากอล์ฟ ซึ่งพระพรหมกวี กล่าวว่า “เขาไปแล้ว ไม่ได้บอกอะไร ไม่รู้ว่าไปไหน ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น” เมื่อผู้สื่อข่าวจะถามต่อ ทางเจ้าอาวาสได้ปัดไมค์ และบอกว่าพูดภาษาไทยไม่รู้เรื่องเหรอ โดยไม่ตอบคำถามอะไรอีก
ขณะที่ พระลูกวัดเผยว่าผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯหายออกจากวัดได้ประมาณ 2-3 วันแล้ว ก่อนจะมีข่าวว่าท่านไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยท่านหายไปเงียบๆคนเดียว ไม่ได้แจ้งอะไร และไม่มีใครเห็นตอนท่านไป โดยผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯ อยู่วัดนี้มานานแล้ว ที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย พระรูปอื่นก็ไม่ได้คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องให้ว่ากันไปตามกฎหมาย ปกติท่านเป็นพระที่มีนิสัยเรียบร้อย เป็นอาจารย์สอนบาลี เพราะที่นี่เป็นสำนักเรียนบาลี ท่านก็สอนนักเรียนตามปกติ ถ้ามีโยมนิมนต์ก็รับปกติ ส่วนเรื่องสีกาตนไม่รู้เรื่อง พร้อมยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของตัวบุคคล ไม่ใช่พระทั้งหมด พระดีก็มี พระไม่ดีก็มี อยากให้ญาติโยมเข้าใจ ไม่ใช่เหมารวมว่าพระไม่ดีหมด
ส่วนความเคลื่อนไหวของพระมหาทิวากร อาภทฺโท เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พระอีกรูปที่มีข่าวพัวพันสีกากอล์ฟ ได้ส่งหนังสือ ที่ 01/2568 ถึงพระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เรื่อง ขอลาไปปฏิบัติศาสนกิจ ที่ต่างจังหวัด ซึ่งเนื้อหามีใจความว่า มีความจำเป็นต้องเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจช่วงเข้าพรรษา จึงมอบหมายงานในวัดให้แก่พระสมุห์แผน สิริภทฺโท อายุ 53 ปี พรรษา 31 ปฏิบัติหน้าที่แทน จึงเรียนมาเพื่อทราบและดำเนินการต่อไป
พร้อมกันนั้นยังมีหนังสือคำสั่งเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ 1/2568 เรื่อง มอบหมายหน้าที่ให้พระภิกษุปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าอาวาส โดยมอบหมายให้ พระสมุห์แผน สิริภทฺโท ปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าอาวาส ส่งมาคู่กันอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรสาคร ทราบว่า แม้จะมีหนังสือขอลาไปปฏิบัติศาสนกิจต่างจังหวัด แต่ตามระเบียบมหาเถรสมาคม หากการลานั้นไม่มีเหตุอันควรและมีระยะยาวนานต่อเนื่องเกิน 1 เดือน จะเป็นเงื่อนไขให้ถูกปลดจากตำแหน่งเจ้าอาวาสได้
มีรายงานจากแหล่งข่าวเปิดเผยว่า พระมหาทิวากร อาภทฺโท จะไม่ลาสิกขา และจะกลับมาชี้แจงในประเด็นที่เกิดขึ้น เพียงแต่ต้องการขอเวลาไปตั้งหลักสักระยะหนึ่งก่อน
ด้าน นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ได้เตรียมส่งร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมพุทธศาสนิกชนในการอุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา เสนอให้นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาและเห็นว่าควรปรับปรุงส่วนใดบ้าง เนื่องจากเคยทำไว้แล้วเมื่อปี 2564-2565 แต่สถานการณ์ปัจจุบัน กรณีสีกากอล์ฟ น่าจะเป็นโอกาสที่จะนำร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ขึ้นมาทบทวนอีกครั้ง โดยสาระสำคัญจะมีบทลงโทษพระสงฆ์ที่ต้องอาบัติปาราชิก หรือประพฤติละเมิดพระธรรมวินัย ให้จำคุกตั้งแต่ 1-7 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนผู้ที่สมัครใจเสพเมถุนกับพระภิกษุหรือสามเณร ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย และผู้ใดทำให้พระภิกษุผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในพระธรรมวินัย ต้องมีมลทินมัวหมอง มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-7 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเชื่อว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว หากผ่านความเห็นชอบ จะนำมาใช้ป้องปรามผู้ที่คิดจะกระทำความผิด ซึ่งนอกจากมีความผิดทางพระธรรมวินัยแล้ว ยังผิดกฎหมายอาญาด้วย
อีกด้านหนึ่ง นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก มีใจความว่า ท่านเห็นด้วยหรือไม่ ว่าควรออกกฎหมาย ลงโทษจำคุกสงฆ์และฆราวาส ที่เสพเมถุนกัน เพื่อให้สอดคล้องกับพระธรรมวินัย ด้วยการลงโทษจำคุก ภิกษุรูปใดไม่อาจอดทนอดกลั้นในเรื่องนี้ได้ ก็ควรสึกออกมา ก่อนที่จะทำให้ศาสนามัวหมอง ความจริงการพยายามลงโทษภิกษุผู้เสพเมถุน มีการคิดกันมานานแล้ว กล่าวคืออัยการจังหวัดเพชรบุรี เคยฟ้องภิกษุผู้เสพเมถุน ด้วยเหตุผลว่าถือว่าเป็นการเหยียดหยามศาสนา แต่ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736/2505 (ประชุมใหญ่) ด้วยเหตุที่ยังไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ จึงยังไม่เป็นความผิด เห็นได้ว่าการพยายามคุ้มครองพุทธศาสนาด้วยการลงโทษภิกษุผู้เสพเมถุน มีมานานแล้ว แต่ยังไม่มีกฎหมายบังคับจึงลงโทษไม่ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี