ตร.สอบเส้นเงินย้อนหลัง10ปี
เตรียมถกคดีพระวัดดังปทุมฯ
“สีกายุ” โร่พบ “บิ๊กเต่า” ให้ปากคำเพิ่มเติมกรณี “พระคึกฤทธิ์”เข้าข่ายยักยอกเงินวัด อ้างมีชายฉกรรจ์คุกคาม หวั่นไม่ปลอดภัย ทนายดังจ่อเอาผิดอีก 2 เรื่อง ด้าน ‘บิ๊กเต่า’เร่งตรวจสอบเส้นเงินย้อนหลัง 10 ปี เตรียมเรียก‘กองปราบ-ปปป.’หารือคืบหน้าคดี‘พระวัดดังปทุมธานี’
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2568 ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ได้พานางกัญญาภัค ชไนเดอร์ หรือสีกายุ เข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.และพนักงานสอบสวน บก.ปปป.เพื่อเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีการตรวจสอบพฤติกรรมของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี ว่ามีการทุจริตยักยอกเงินของวัดดังกล่าวไปใช้โดยมิชอบหรือไม่
นายอนันต์ชัย กล่าวว่า เหตุที่ต้องพานางกัญญาภัค หรือสีกายุ พยานคนสำคัญ มาให้ปากคำกับตำรวจ บก.ปปป.อีกครั้ง ก็เพื่อให้กระบวนการสักถามพยานในส่วนของสีกายุ เสร็จสิ้น เพื่อจะให้เจ้าตัวเดินทางกลับประเทศเยอรมนี ได้เร็วที่สุด เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากทราบว่าหลังจากเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ได้มีคนมาคอยยืนดักรอที่สนามบินฯ นอกจากนี้ยังทราบว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์ 4-5 คน มาเดินถ่ายรูปบริเวณหน้าบ้านพักของสีกายุ ซึ่งมีข้อมูลมาว่าเป็นตำรวจ บช.ทท.จึงอยากให้มีการตรวจสอบว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ และมาด้วยวัตถุประสงค์ใด
“ขณะเดียวกัน ทราบข้อมูลว่ามีการตรวจสอบพบความผิดปกติของพระคึกฤทธิ์ เกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินของวัด 2 ประเด็น คือ 1.ประเด็นเกี่ยวกับการนำเงินบุญกฐินของวัดมาแจกจ่ายโบนัสให้กับคนใกล้ชิด 4 คน และ 2.ประเด็นที่ทราบว่ามีการนำเงินของวัดไปซื้อรถหรูให้คนใกล้ชิด ซึ่งมีทั้งหญิงและชาย” นายอนันต์ชัย กล่าวและว่า ทั้ง 2 เรื่อง ขณะนี้มีพยานหลักฐานอยู่ในมือแล้วประมาณ 80% และในเร็วๆ นี้ ทางมูลนิธิทนายกองทัพธรรม จะนำหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความดำเนินคดี เพราะจากพฤติกรรมและหลักฐานที่มีอยู่ ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่ามีการนำเงินของวัดมาใช้ผิดวัตถุประสงค์
ด้านนางกัญญาภัค กล่าวว่า จากกรณีมีคนแปลกหน้ามาดักรอนั้น ยอมรับว่าค่อนข้างเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะเหมือนกำลังถูกคุกคาม ส่วนที่ต้องเดินทางมาให้ข้อมูลกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เพื่อต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ และนำหลักฐานต่างๆ มามอบให้กับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม
ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่าจากที่ได้สอบปากคำสีกายุ ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากก่อนหน้านี้ได้เคยพูดคุยกันมาแล้วเมื่อครั้งที่เจ้าตัวเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ส่วนประเด็นที่ได้สอบถามส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่มีการนำมามอบให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเอกสารเรื่องความเคลื่อนไหวของเงิน ตั้งแต่มูลนิธิไปจนถึงกองทุน ซึ่งจะพิจารณาเป็นเรื่องๆ ตั้งแต่ต้นทางที่เงินออกจากวัดผ่านบัญชีบุคคลจนถึงปลายทางที่เป็นกองทุน ว่าส่วนไหนเข้าข่ายความผิดบ้าง เป็นเรื่องเกี่ยวกับคดีนอกราชอาณาจักรหรือไม่ การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการนำเงินวัดไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่
รอง ผบช.ก.กล่าวต่อว่า ทั้งหมดจะต้องพิจารณาอย่างละเอียด รวมถึงต้องสอบปากคำพยานบุคคลต่างๆ เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง นำมาใช้ในการพิจารณาข้อเท็จจริง โดยเฉพาะหลักฐานเส้นทางการเงิน ที่ขณะนี้ทางตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้ประสานไปยังธนาคารต่างๆ เพื่อขอสเตรทเม้นท์ย้อนหลังเกือบ 10 ปี นำมาตรวจสอบ คาดว่าน่าจะเริ่มทยอยส่งข้อมูลในวันที่ 6 ตุลาคมนี้
“คดีที่เคยแจ้งความกับทางตำรวจ บก.ป.ไว้ ขณะนี้ทางผู้บังคับบัญชาได้อนุมัติให้โอนสำนวนคดีทั้งหมดมาอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจ กก.2 บก.ปปป.และในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ ทั้ง 2 หน่วยงานจะหารือเพื่อร่วมกำหดนทิศทางของคดีต่อไป” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พระคึกฤทธิ์ โอนเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองที่ดินวัดที่ได้มาจากการบริจาคของญาติโยมไปเป็นชื่อตัวเอง รวมถึงกรณีข้อสงสัยว่ามีการานำเงินวัดไปซื้อรถให้คนใกล้ชิดนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เรื่องการโอนที่ดินทราบว่ามีการฟ้องร้องกันจบไปแล้ว แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าการทำเช่นนี้ผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งตำรวจต้องมาตรวจสอบให้กระจ่างชัด เช่นเดียวกับเร่องรถหรู เรื่องเงินกฐิน ทางตำรวจก็ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดเช่นกัน ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา แต่ขอเวลาให้ได้ทำงานก่อนเนื่องจากหลักฐานต่างๆ ที่ได้รับมา ยังเป็นแค่แนวทาง ต้องรอผลการตรวจสอบและพยานบุคคลให้แน่ชัด
รอง ผบช.ก.กล่าวอีกว่า ยังไม่เชิญพระคึกฤทธิ์ มาให้ปากคำ ต้องรอพยานหลักฐานต่างๆ ให้แน่ชัดก่อน ส่วนกรณีที่มีผู้ไปคุกคามสีกายุ ทางตำรวจรับปากว่าจะช่วยดูแลความปลอดภัยให้ ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบถามรายละเอียดต่างๆ ทั้งภาพถ่าย ทะเบียนรถ เพื่อตรวจสอบว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นใคร เกี่ยวข้องอย่างไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี