ชาวนาเริ่มยิ้ม! ตลาดกลางกาฬสินธุ์คึกคักไม่หยุด ‘ราคาข้าวเปลือกพุ่ง’ ข้าวเหนียวแห้งแตะ 11,000 บาท/ตัน ข้าวหอมมะลิ 16,000 บาท/ตัน

วันที่ 1 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการซื้อขายข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาลผลิต 2568 ที่ตลาดกลางข้าวและพืชไร่กาฬสินธุ์ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พบว่ามีความคึกคักอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน

โดย นายธนาพล ธรรมโนขจิต ผู้จัดการตลาดกลางข้าวและพืชไร่ อ.ยางตลาด กล่าวว่า แม้จะเป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว แต่ชาวนายังคงทยอยนำข้าวเปลือกมาขายอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นการชะลอขาย หรือนำข้าวที่เกี่ยวสดไปผึ่งแดดจนแห้งก่อนนำมาขาย เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหักค่าความชื้นและสิ่งเจือปน ทำให้ได้ราคาสูงกว่า

ราคารับซื้อข้าวเปลือก ณ ปัจจุบัน มีดังนี้ ข้าวเหนียวแห้ง กก.ละ 11 บาท (ตันละ 11,000 บาท) , ข้าวเหนียวเกี่ยวสด กก.ละ 9 บาท (ตันละ 9,000 บาท) , ข้าวจ้าวหอมมะลิแห้ง กก.ละ 15.50-16 บาท (ตันละ 15,500-16,000 บาท) , ข้าวจ้าวสด กก.ละ 14 บาท (ตันละ 14,000 บาท)

นายธนาพล ยอมรับว่า ภาพรวมปีนี้ผลผลิตข้าวของชาวนา และปริมาณข้าวที่นำมาขายที่ตลาดกลางฯ ลดลงกว่าฤดูกาลผลิตที่ผ่านมาถึงเท่าตัว เนื่องจากเกิดปัญหาโรคระบาดจากเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย รวมทั้งการใช้พันธุ์ข้าวไม่มีคุณภาพ

ด้าน นายบุญสรวง ภูยางสิม อดีตรองนายก อบต.คลองขาม อ.ยางตลาด กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ราคารับซื้อข้าวปรับสูงขึ้น ทำให้ชาวนามีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง หลังจากที่หลายคนรีบขายข้าวในช่วงเริ่มต้นเก็บเกี่ยวที่ได้ราคาเพียง กก.ละ 6-7 บาท ทำให้ประสบปัญหาขาดทุน หากขายได้ กก.ละ 10-11 บาท ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีและพอจะมีกำไร อย่างไรก็ตาม นายบุญสรวงกล่าวว่าเสียดายที่ผลผลิตน้อย และปีหน้าอาจพิจารณาปลูกข้าวจ้าวหอมมะลิที่ได้ราคาสูงกว่าข้าวเหนียว แต่ยอมรับว่าชาวนาในพื้นที่ไม่ค่อยนิยมปลูกข้าวจ้าว เพราะให้ผลผลิตต่อไร่ต่ำกว่าข้าวเหนียว

นอกจากนี้ ผู้จัดการตลาดกลางฯ ได้ให้ข้อแนะนำแก่ชาวนาเพื่อเพิ่มราคารับซื้อว่า 1.คัดเลือกสายพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับสภาพดิน และมีภูมิต้านทานโรค 2.ซื้อพันธุ์ข้าวจากแหล่งที่เชื่อถือได้และมีใบรับรองคุณภาพ 3.ควรทำนาดำที่จะได้ผลผลิตสูงกว่านาหว่าน 4.บริหารจัดการในแปลงข้าว เช่น ควบคุมน้ำและกำจัดวัชพืช และ 5.ชะลอการขายโดยนำข้าวเปลือกไปผึ่งแดดให้แห้งก่อนนำมาขาย

////////-026