วันอังคาร ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงันบุกจับชาวรัสเซียลักลอบเปิดบังกะโลเถื่อน
วันที่ 2 ธันวาคม 2568 พ.ต.ท.วินิจ บุญชิต สารวัตรตำรวจท่องเที่ยว 5 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงัน ร่วมกับ พ.ต.อ.อภิชาต จันทร์สำเร็จ ผกก.สภ.เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเกาะพะงัน ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะพะงัน ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบบังกะโลพร้อมจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 3 ราย
การเข้าจับกุมครั้งนี้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวได้รับแจ้งจากนายชัยนิมิต ชมอินทร์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ต.เกาะพะงัน ว่ามีชาวบ้านร้องเรียนว่ามีชาวต่างชาติประกอบธุรกิจรถเช่า ซึ่งเป็นการจัดตั้งบริษัทในรูปลักษณะ นอมินี โดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงร่วมกับผู้ใหญ่บ้านเข้าตรวจสอบเป้าหมาย

เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่พบ นายโอเล็ก อีลิซีฟ สัญชาติรัสเซีย อายุ 51 ปี นั่งอยู่บริเวณบ้าน เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในบ้านพักพบ นางอีแคทเทอรีน่า มิกูลิน่า สัญชาติรัสเซีย อายุ 38 ปี กำลังใช้โน้ตบุ๊กเปิดเว็บไซต์ชื่อ บุ๊กกิ้ง คาเลนดาร์ "Booking Calendar" ที่ระบุข้อมูลการจองห้องพักอย่างชัดเจน นายโอเล็ก ให้การว่า ตนไม่ได้ประกอบธุรกิจรถเช่าแต่ได้ร่วมกับนางอีแคทเทอรีน่าฯ ประกอบธุรกิจที่พักชื่อมูนเว บังกะโล ตั้งอยู่ที่บ้านศรีธนู หมู่ 8 ต.เกาะพะงัน โดยทั้งสองจะทำงานอยู่ที่บ้านพัก คอยตอบข้อความลูกค้าผ่านแอปพลิเคชัน วอชแอป และลงข้อมูลการจองห้องพักเท่านั้น จากการตรวจสอบไม่พบเอกสารใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรม หรือที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม
โดยนายโอเล็ก และ นางอีแคทเทอรีน่า ยอมรับสารภาพว่า บังกะโลมีจำนวน 7 ห้อง คิดค่าเช่าวันละ 500 บาทต่อห้อง ไม่มีใบอนุญาตจริง เนื่องจากเข้าใจผิดว่ามีเพียงหนังสือรับรองบริษัทก็เพียงพอแล้วนอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจสอบบริเวณบังกะโล และพบนางหล้า เอ สัญชาติเมียนมา อายุ 21 ปี กำลังให้บริการลูกค้าอยู่ภายในห้องพัก นางหล้าฯ ให้การว่า นายโอเล็กฯ และนางอีแคทเทอรีน่าฯ เป็นเจ้านาย จ้างตนมาเป็นพนักงานต้อนรับและแม่บ้าน

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อหาดำเนินคดี นายโอเล็ก กับ นางอีแคทเทอรีน่า ร่วมกันประกอบธุรกิจ โดยไม่ได้รับอนุญาต, เป็นคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ์จะทำได้ , และเป็นนายจ้างจ้างคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ์จะทำได้ และแจ้งข้อหา นางหล้า เอ ชาวเมียนมา เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ์จะทำได้
ด้าน พ.ต.อ.อภิชาต จันทร์สำเร็จ ผกก.สภ.เกาะพะงัน กล่าวว่า กรณีนี้ต้องขยายผลต่อในส่วนของการประกอบจดจัดตั้งบริษัทในลักษณะเข้าขายนอมินี หรือไม่ เพราะมีเงินหมุนเวียนในบัญชีหลายล้านบาท ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งมีการโอนเงินเพื่อหลบหลีกตบตาเจ้าหน้าที่ ซึ่งจากการสอบถามผู้ต้องหาให้การวกวน จากการสืบสวนพบว่ามีหญิงไทยให้การช่วยเหลือ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะขยายผลต่อหากพบพยานหลักฐาน ก็จะดำเนินการทางกฏหมายทุกคนที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี