ตร.สอบเข้ม “นานา” 10 ชั่วโมง ยังปัดข้อหา คุมฝากขังศาลอาญา พบเครียดความดันพุ่ง 180 มม.ปรอท เผยสาเหตุถูกแจ้งจับเพราะหมุนเงินไม่ทัน เร่งตรวจ Ledger ของใคร-มีทรัพย์สินหรือไม่ ปัดข่าว “เวย์ ไทยเทเนี่ยม” เข้าพบตร. ขณะที่ศาลฯ ให้ประกันตัว ‘นานา’ตั้งเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ

เมื่อวันที่ 4ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีตำรวจ บก.ปอศ.จับกุม นางไรบีนา อินทชัย หรือ ‘นานา ไรบีนา’ อายุ 45 ปี ดาราสาวชื่อดัง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ และกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยจับกุมได้ที่บ้านพักย่านพระโขนง กทม.ก่อนถูกคุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดีที่ บก.ปอศ.ว่าพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ต้องหานานนับสิบชั่วโมง จนถึงช่วงเที่ยงคืนเศษ โดยไม่มีผู้ใดติดต่อขอเข้าเยี่ยม กระทั่งช่วงเช้าวันเดียวกัน จึงมีการสั่งอาหารให้รับประทาน โดยนานา สั่งเมนูข้าวกะเพรากุ้ง ไข่ดาว พร้อมน้ำดื่ม

ต่อมาเวลา 08.00 น.ทางด้าน น.ส.แนน น้องสาวของนานา ได้เดินทางมาเยี่ยมนานา โดยสวมหมวกแก๊ปและแว่นตาดำปกปิดใบหน้า และไม่ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนที่มาเฝ้าติดตามทำข่าวแต่อย่างใด

จากนั้นทางพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ.ได้เบิกตัวนานา ผู้ต้องหาคดีดังกล่าว ออกจากห้องคุมขัง เพื่อส่งตัวไปขออำนาจศาลอาญา ฝากขัง หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการสอบปากคำในชั้นจับกุม ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยระหว่างการคุมตัวไปฝากขังต่อศาล นานา มีท่าทางอิดโรย และยังคงไม่ตอบคำถามใดๆ ต่อสื่อมวลชนที่พยายามซักถาม ก่อนจะเดินก้มหน้าขึ้นรถของเจ้าหน้าที่ทันที

มีรายงานข่าวว่า จากการสอบปากคำนานกว่า 10ชั่วโมง ตลอดคืนที่ผ่านมา นานา ยอมรับว่ามีการนำเงินจากผู้เสียหายไปใช้จ่ายส่วนตัว จริง แต่ยอดเงินไม่ได้สูงตามที่เป็นข่าวเนื่องจากได้ใช้คืนไปบ้างแล้ว แต่สาเหตุที่เรื่องเกิดบานปลายขึ้น เพราะมีการกระทำในลักษณะแบบงูกินหาง คือนำเงินที่ได้มาใหม่ไปใช้คืนให้เจ้าหนี้คนเก่า แต่สุดท้ายเกิดหมุนเงินไม่ทันจนถูกแจ้งความดำเนินคดี

นอกจากนี้ช่วงคืนที่ผ่านมา ในระหว่างที่นานาถูกคุมขังอยู่ในห้องขัง ได้เกิดอาการเครียดจนเกือบช็อก ตรวจวัดความดันขึ้นสูงถึง180มิลลิเมตรปรอท จนมีอาการหน้าซีด มือสั่น ทางเจ้าหน้าที่ประจำห้องควบคุมผู้ต้องหา ต้องเบิกตัวออกมาพูดคุยเพื่อให้สงบสติอารมณ์ ก่อนจะให้รับประทานยาประจำตัวเพื่อช่วยให้นอนหลับ จึงมีอาการดีขึ้น ก่อนจะถูกนำตัวกลับไปที่ห้องคุมขังตามเดิม

ด้าน พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ.กล่าวว่า ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และขอทำเอกสารคำให้การมายื่นในภายหลัง ส่วนเรื่องหลักฐานปลอม ทาง พ.ต.อ.นิตติโชติ เพ็ญจำรัส รอง ผบก.ปอศ.ระบุว่า เป็นเรื่องการปลอมสลิปเพื่อกล่าวอ้างกับผู้เสียหายรายหนึ่งว่านำเงินไปลงทุนแล้ว แต่จากการตรวจสอบพบว่ามีการแก้ไข เบื้องต้นมีผู้เสียหาย 1 ราย ไม่ใช่ดาราและจำนวนเงินไม่มาก ยังรอตรวจสอบเอกสารหลักฐานและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเติม ส่วนเอกสารการโอนหุ้นเป็นเพียงการกล่าวอ้างกับผู้เสียหายอีกท่านหนึ่งเท่านั้น ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่าเลขใบหุ้นไม่ใช่ของนานา อาจเป็นของคนอื่น ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องว่ามีการโอนต่ออย่างไรบ้าง เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงซึ่งเป็นหุ้นในธุรกิจร้านตัดผม

ในส่วนของ Ledger-nano-x (Hardware Wallet) ได้ประสานให้ผู้เชี่ยวชาญพร้อมขอรหัส เพื่อตรวจสอบว่าข้างในนั้นมีทรัพย์อยู่หรือไม่ หากมีแล้วเป็นของใครเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหรือไม่ ซึ่ง นานา ปฏิเสธว่าไม่ใช่ของตัวเอง อ้างว่าเป็นของคนอื่นแต่ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นของ ‘เวย์ ไทยเทเนี่ยม’สามีหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างประสาน เวย์ เข้ามาสอบปากคำ แต่ก็จะมีการออกหมายเรียกอยู่แล้ว ทั้งนี้หาก เวย์ จะเข้ามาพบ ทางตำรวจ ก็ยินดี แต่ขอให้ประสานเข้ามาทั้งในและนอกเวลาราชการ เพื่อให้พนักงานสอบสวนได้จัดเตรียมเอกสารในการสอบปากคำ

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ว่าพนักงานสอบสวนมีการแยก เวย์ ไปสอบสวนก่อนหน้านี้จริงหรือไม่ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ กล่าวยืนยันว่า เวย์ ไม่ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาทุกมิติว่าเกี่ยวข้องหรือร่วมกระทำผิดหรือไม่ หากมีก็จะต้องดำเนินคดี สำหรับกรณีที่มีการหย่าร้างกับนานา ทางตำรวจไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ยืนยันว่าหากหย่ากันก็ไม่กระทบต่อรูปคดี เพราะพิจารณาจากเส้นทางการเงินและพฤติการณ์เป็นหลัก โดยเบื้องต้นจากการสอบสวนไม่มีเส้นเงินพาดพิงไปถึง เวย์ แต่ผู้เสียหายรายอื่นยังไม่ทราบ หากมีก็ขอให้เข้ามาพบพนักงานสอบสวน

ต่อข้อถามถึงอาการของนานาหลังจากมีกระแสข่าวว่าเครียดหนักถึงขั้นเกือบต้องนำตัวส่ง รพ.ทาง ผบก.ปอศ.ระบุว่า นานา มีอาการเครียดจริงและได้นำยามารับประทาน ซึ่งคืนที่ผ่านมา เจ้าตัวมีอาการแพนิค หัวใจเต้นผิดปกติ จึงส่งทีมพยาบาลเข้าไปดูแล แต่เมื่อกินยาและได้พัก ก็มีอาการดีขึ้น

พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินคดีจะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนหรือไม่นั้น องค์ประกอบสำคัญคือต้องมีการโฆษณาให้บุคคลทั่วไปทราบ แต่นานา มีการกระทำเจาะจงเพียงกลุ่มเพื่อนสนิท และคนที่รู้จัก จึงยังไม่เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ส่วนกรณีที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดระหว่างคุมตัว นานา ไปฝากขังต่อศาล จึงจัดกำลังเจ้าหน้าที่เกือบ 10 นาย ไม่ได้เลือกปฏิบัติ แต่เป็นการพิจารณาจากเหตุเฉพาะหน้า เพื่อป้องกันความวุ่นวาย เนื่องจากสื่อมวลชนจำนวนมากให้ความสนใจส่วนประเด็นที่ว่า เวย์ มีการไปยืมเงินเพื่อนนั้น ทางตำรวจก็ทราบจากข่าวเบื้องต้นยังไม่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ สำหรับมูลค่าความเสียหายคดีนี้ยังอยู่ที่ 195 ล้านบาท ยังไม่เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ทางพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ.ได้คุมตัวนานา ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงทรัพย์ และกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน มาขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก มีกำหนด 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 4-15 ธันวาคม 2568 โดยพฤติการณ์แห่งคดี คือเมื่อประมาณเดือนตุลาคม2565ต่อเนื่องกันผู้ต้องหาได้ชักชวนหลอกลวงบุคคลหลายสิบราย ร่วมลงทุนธุรกิจต่างๆ เมื่อเชื่อว่าถูกหลอกลวงแน่แล้ว ผู้เสียหายจึงแจ้งความร้องทุกข์รวมความเสียหาย 152,907,577บาท ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนยังทำการสอบสวนไม่เสร็จสิ้นเนื่องจากต้องสอบพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปาก และรอผลตรวจพิสูจน์ของกลางรอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงขอฝากขังผู้ต้องหา

อย่างไรก็ตาม ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการปล่อยชั่วคราว เนื่องจากมูลค่าความเสียหายในคดีสูงและคดีอยู่ในความสนใจของประชาชนเนื่องจากผู้ต้องหาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์เพิ่มเติม ประกอบกับมีผู้เสียหายยื่นขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราวเพราะเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหาย แต่ภายหลังน้องสาวของนานา เข้ายื่นหลักทรัพย์ 1 ล้านบาท เพื่อขอประกันตัว ซึ่งศาลพิจารณาแล้วให้ประกันและปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ พร้อมแต่งตั้งผู้ให้คำปรึกษาในคลินิกให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมของศาลอาญา เป็นผู้กำกับดูแล