‘ทบ.’แถลงทหารพลีชีพรวม 2 นาย ใช้ F-16 เร่งทำลายฐานอาวุธ-กาสิโนเขมร ไม่ชัดมีBM-21 กี่พื้นที่

‘ทบ.’แถลงทหารพลีชีพรวม 2 นาย ใช้ F-16 เร่งทำลายฐานอาวุธ-กาสิโนเขมร ไม่ชัดมีBM-21 กี่พื้นที่

วันจันทร์ ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 11.39 น.

‘กองทัพบก’แถลงสรุป​ทหารพลีชีพเพิ่ม​รวม​ 2 นาย เจ็บ​ 8 นาย​ เฝ้าระวังสนาม​บิน​-ใช้ F-16 เร่งทำลายฐานยิงอาวุธไกล​-​ตึกกาสิโน​กัมพูชา ยังไม่ชัดมีBM-21 กี่พื้นที่​ เผย​‘ผบ.ทบ.’กำชับ​ความปลอดภัยประชาชน​-​กำลังพล​

8 ธันวาคม 2568 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงสถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-​กัมพูชา​ โดยย้ำว่า​การใช้อาวุธตอบโต้ยังคงเป็นไปตามแผนการเผชิญเหตุเฉพาะพื้นที่ตามกฎการใช้กำลัง และมุ่งโจมตีพื้นที่เป้าหมาย​ ที่มีเจตนาคุกคามหรือกระทำต่อฝ่ายไทย​ นอกจากนี้ยังพบว่ากัมพูชามีการเตรียมความพร้อมของกำลังพลยุทโธปกรณ์และอาวุธยิงสนับสนุนเพิ่มเติม  รวมไปถึงมีแนวโน้มว่ากัมพูชามีการระบุพิกัดการใช้อาวุธระยะไกลในเขตพื้นที่ตอนใน​ ครอบคลุมพื้นที่ใกล้สนามบินบุรีรัมย์ และบริเวณพื้นที่ใกล้โรงพยาบาล​ ในอำเภอปราสาทซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนถึง 30 กิโลเมตร


สำหรับบรรยากาศและท่าทีของกัมพูชาก่อนหน้านี้​ มักจะละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และแอบใช้ทุ่นระเบิด ในพื้นที่ปฏิบัติงานของฝ่ายไทย รวมถึงการปรับปรุงเส้นทางของฝ่ายไทย  ทั้งนี้เป็นเครื่องบ่งชี้วัดทางกัมพูชาอาจจะต้องการให้กำลังพลทหารฝ่ายไทย ได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดเหล่านั้น

ขณะที่การปฏิบัติที่สำคัญในห้วงเย็นวานนี้ ทางกองทัพภาคที่ 2 คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน มีการเร่งอพยพซึ่งการดำเนินการเป็นการปฏิบัติในพื้นที่ส่วนหลัง ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้มีการประสานกับฝ่ายปกครองและฝ่ายท้องถิ่นรวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการที่จะดำเนินการอพยพซึ่งปัจจุบันมีความสมบูรณ์แล้ว

ขณะที่เหตุการณ์ในช่วงกลางดึกวานนี้จนกระทั่ง​วันนี้ มีการยิงและเกิดการปะทะในหลายพื้นที่​ จนกระทั่งรุ่งเช้า​ และเริ่มมีการปะทะหนักขึ้นตั้งแต่เวลา 05.00 น. โดยทางฝ่ายกัมพูชามีการใช้ปืนเล็ก ปืนใหญ่​ อาวุธยิงสนับสนุนต่างๆเข้ามา​จนเป็นเหตุให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต​ในพื้นที่ช่องบก​ อ.น้ำยืน​ จ.อุบล​ราชธานี​ และยังพบหลักฐานว่าทางฝ่ายกัมพูชา ได้เปิดพื้นที่การปะทะเพิ่มเช่น ช่องอานม้า​ ปราสาทคนา​ ​​ ปราสาทตาควาย​ และปราสาทตาเมือนธม​ จ.สุรินทร์​  และห้วยตะมาเรีย​  จ.ศรีสะเกษ​ โดยฝ่ายไทยตอบโต้​ตามแผนเผชิญเหตุเน้นเป้าหมายทางทหารเป็นหลัก เช่นฐานทหาร​ ที่ตั้งอาวุธจริงสนับสนุน​ พร้อมประสานขอรับการสนับสนุนการใช้อากาศยานของกองทัพอากาศ ในการปล่อยอาวุธ เพื่อยับยั้งการโจมตีของทหารกัมพูชา​ ซึ่งถือเป็นความจำเป็นในการป้องกันตนเองหลังพบว่าฝ่ายกัมพูชามีการใช้อาวุธยิงสนับสนุนต่อฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง

พลตรีวินธัย กล่าวว่า ขอเน้นย้ำว่าการใช้กำลังทางอากาศของฝ่ายไทยเป็นการปฏิบัติต่อเป้าหมายทางทหารของฝ่ายกัมพูชาเท่านั้น​ กำจัดวงและขอบเขตความเสียหาย​ พร้อมยับยั้งการโจมตีอาวุธยิงสนับสนุนของกัมพูชาที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตแก่กำลังพลของฝ่ายไทย สำหรับการโจมตีการปล่อยอาวุธจากอากาศยานเป็นการโจมตีที่ค่อนข้างมีความแม่นยำสูง  บริเวณแนวปะทะไม่กระทบต่อพลเรือน​ และที่สำคัญฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องสกัดกั่นอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา​ ที่กำลังคุกคามคนไทย​ เนื่องจากการปะทะครั้งที่ผ่านมาเคยยิงใส่ในพื้นที่เป้าหมายทางพลเรือนของฝ่ายไทย​ ทำให้ประชาชนและที่อยู่อาศัยมีความเสียหาย เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก

เมื่อถามว่ากรณีที่​  F- 16โจมตีพื้นที่กาสิโน​   เป็นที่ตั้งของอาวุธ​ชนิดใด​ โฆษกกองทัพบกระบุว่า​ เป็นทั้งสถานที่บังคับการและศูนย์การบังคับบัญชา​ของอากาศยานไร้คนขับ(โดรน)​ พร้อมย้ำว่า​ เป็นที่ตั้งของทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอากาศยานไร้คนขับ

พลตรีวินธัย​ ยังกล่าวถึงยอดผู้เสียชีวิตในเบื้องต้นขอยืนยันมีข้อมูล​อย่างเป็นทางการเสียชีวิต​ 1 นาย ไม่เป็นทางการ 1 นาย ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บขณะนี้มีจำนวน 8 นาย

ส่วนจะมีการขยายแนวไปที่กองทัพภาคที่ 1 หรือไม่​พลตรีวิธัย​ ปัจจุบันเป็นการตอบโต้เผชิญเหตุตามสถานการณ์มีเพียงข้อมูลตามที่ได้รายงานไปให้ทราบเท่านั้น

เมื่อถามว่าพลเอกพนา​ แคล้ว​ปลอด​ทุกข์​ ผู้บัญชาการทหารบก​ หรือ​ ผบ. ทบ. ได้สั่งการกำชับอะไรหรือไม่​ พลตรีวินธัย​ กล่าวว่า​  สถานการณ์พื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมา​ ไม่ได้อยู่ในขั้นที่ไว้วางใจดังนั้นผบ.ทบ.ได้สั่งการให้หน่วยนั้นมีการเตรียมความพร้อม​ไว้ล่วงหน้าแล้ว​  พร้อมเตรียมการทางยุทธวิธีที่จะตอบโต้ภัยคุกคามที่ทางกัมพูชาทำ​ โดยเฉพาะการใช้อาวุธ รวมทั้งเป็นห่วงในเรื่องการบาดเจ็บและสูญเสียของกำลังพลฝ่ายไทย และคำนึงสูงสุดถึงการที่จะส่งผลกระทบต่อการบาดเจ็บและสูญเสียของประชาชน จนเป็นที่มาให้ทำลายเป้าหมายที่สำคัญสุดสุดคือต้องทำลายระบบอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา เพราะสิ่งนั้นไม่เพียงแต่กระทบต่อกำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ของทหาร แต่มีโอกาสสูงที่จะกระทบต่อประชาชนของไทย

เมื่อถามถึงการป้องกันสถานที่สำคัญ​ เช่นสนามบิน​ โรงพยาบาล​ คลังอาวุธของไทย มีความพร้อมเพียงใด​ พลตรีวินธัย​ ยอมรับว่ามีการเตรียมการไว้ เครื่องมือแอนตี้โดรนสามารถสกัดกั้นได้อยู่อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่สำคัญจริงๆในทางทหาร มีการเตรียมการอยู่ในระบบปกติของราชการอยู่แล้ว

ส่วนประเมินความเสี่ยงของสนามบินอย่างไรพลตรีวินธัย​ กล่าวว่า​ หลักการใช้อาวุธจะต้องจำกัดขอบเขตในพื้นที่ชายแดน หากเกินพื้นที่ชายแดนสังคมโลกยอมรับไม่ได้ และเคยมีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้มาแล้ว เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่ในพื้นที่สนามบินค่อนข้างมีความห่างไกลพื้นที่การรบพอสมควร แต่ตามมาตรการทางทหารไม่ได้ประมาทมีมาตรการที่จะดูแลและป้องกันอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าสถานการณ์ย้อนกลับไปเหมือนการสู้รบครั้งแรก​ เมื่อ 24-28 กรกฎาคม​ 2568​ใช่หรือไม่  พลตรีวินธัย​ กล่าวว่า​ ตอนนี้ตอบยาก การใช้กำลังของฝ่ายไทยยังเป็นไปตามการเผชิญเหตุ ยังอยู่ในกรอบและกติกาที่เป็นสากล การตอบโต้เป็นไปตามเหตุและผลอยู่ในระดับที่เหมาะสม

สำหรับการดูแลพื้นที่สวนหลังหรือการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เพิ่มเติมนั้นพลตรีวิธัยระบุว่า หน่วยทหารและฝ่ายปกครองได้ทำอย่างสมบูรณ์แล้วก่อนหน้านี้ ในช่วงเวลาฉะนั้นจะเห็นว่าในช่วงเย็นช่วงค่ำเมื่อวานนี้ สามารถอพยพได้เป็นไปตามเป้าหมาย​ และข้อกังวลในเรื่องนั้นจะน้อยกว่าคราวที่แล้ว

พลตรีวิน​ธัย​ ยังกล่าวต่อว่า​ การยิงBM-21 นั้น ในเชิงรุกจะต้องทำลายที่ตั้งยิงเหล่านั้นให้ได้มากที่สุด ส่วนมาตรการเชิงรับจะใช้วิธีการอพยพคน พยายามที่จะทำให้ผลกระทบที่เกิดจากการใช้อาวุธนั้น​ ไม่เกิดกับความบาดเจ็บและความสูญเสียของประชาชน​ สำหรับเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีการยิง BM-21 ตกในพื้นที่เกษตรกรรม​ ไม่มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและสูญเสีย แต่ต้องติดตามเป็นระยะ เนื่องจากมีการใช้อาวุธประเภทจรวด​กี่จุดกี่พื้นที่​

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top