วันศุกร์ ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2568
องคมนตรีตรวจติดตามภารกิจการบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ประจำปีงบประมาณ 2569 และโรงผลิตสารฝนหลวง (น้ำแข็งแห้ง) ตามพระราชดำริ
วันที่ 12 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น. พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิฝนหลวง ลงพื้นที่ตรวจติดตามภารกิจการบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ประจำปีงบประมาณ 2569 และโรงผลิตสารฝนหลวง (น้ำแข็งแห้ง) ตามพระราชดำริ ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร โดยมีนายราเชน ศิลปะรายะ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ร้อยตำรวจโท ภพชนก ชลานุเคราะห์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีให้การต้อนรับ ณ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ตอนบน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
นายราเชน ศิลปะรายะ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้จัดทำแผนการดัดแปรสภาพอากาศ ประจำปี 2569 เพื่อปฏิบัติการดัดแปรสภาพอากาศบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม เนื่องจากประเทศไทยมักประสบกับสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เกินเกณฑ์มาตรฐานและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นและส่งผลผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล พื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดยเริ่มตั้งหน่วยดัดแปรสภาพอากาศตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 ได้แก่ หน่วยฯ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หน่วยฯ จังหวัดระยอง และหน่วยฯ จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อวางแผนปฏิบัติการบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ปฏิบัติการดัดแปรสภาพอากาศด้วย 3 เทคนิค ได้แก่
1. เทคนิคการลดอุณหภูมิชั้นบรรยากาศผกผัน ด้วยการโปรยน้ำแข็งแห้ง เพื่อระบายฝุ่นละอองขนาดเล็ก
2. เทคนิคการก่อเมฆ เพื่อดูดซับและระบายฝุ่นละอองขนาดเล็ก และ 3. เทคนิคการเลี้ยงเมฆ เพื่อดูดซับและระบายฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยตั้งแต่วันที่ 1-9 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ขึ้นบินปฏิบัตการ จำนวน 6 วัน 35 เที่ยวบิน ผลปฏิบัติการพบว่า สามารถลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้สำเร็จใน 5 วันจาก 6 วันที่ขึ้นบินปฏิบัติการ คิดเป็นค่าความสำเร็จ ร้อยละ 80 โดยก่อนการปฏิบัติการค่าฝุ่น PM2.5 เฉลี่ยอยู่ที่ 38.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ขณะที่หลังการปฏิบัติการมีค่าความเข้มข้นลดลงเหลือ 21.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ขณะเดียวกัน ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ AQI (Air Quality Index) มีค่าเฉลี่ยลดลงจาก 93 เหลือ 47.5 คิดเป็นค่าลดลงร้อยละ 48.9 แสดงให้เห็นว่า ค่าคุณภาพอากาศดีขี้น

นอกจากนี้ ด้านการปฏิบัติการฝนหลวงบรรเทาปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ภาคใต้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงหัวหิน ณ ท่าอากาศยานหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปฏิบัติการในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนกันยายน 2569 ด้วยเครื่องบินขนาดเล็ก CARAVAN จำนวน 3 ลำ และตั้งหน่วยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงสุราษฎร์ธานี ณ สนามบินกองบิน 7 อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปฏิบัติการในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน 2569 ด้วยเครื่องบินกองทัพอากาศขนาดใหญ่ (BT67) จำนวน 1 ลำ โดยการตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจะปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ภัยแล้งในแต่ละเดือน ที่ตั้งของสนามบินสามารถปฏิบัติการฝนหลวงได้ครอบคลุม 20 จังหวัด ในพื้นที่รับผิดชอบ ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี นราธิวาส และจังหวัดยะลา
ต่อจากนั้น พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ได้ตรวจติดตามโรงผลิตสารฝนหลวง (น้ำแข็งแห้ง) ตามพระราชดำริ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้จัดตั้งโรงผลิตสารฝนหลวง (น้ำแข็งแห้ง) ตามพระราชดำริ ณ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงทั่วประเทศ จำนวน 8 แห่ง

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 และดำเนินการก่อสร้างโรงผลิตสารฝนหลวง (น้ำแข็งแห้ง) ตามพระราชดำริ แห่งแรก ณ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ตอนบน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และขณะนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จอีกจำนวน 5 แห่ง ได้แก่ 1. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ตอนบน จังหวัดเพชรบุรี 2. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จังหวัดตาก 3. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดพิษณุโลก 4. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น และ 5. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐาน โดยการใช้น้ำแข็งแห้งจะทำให้การระบายฝุ่นละอองใต้ชั้นอุณหภูมิผกผันสู่ชั้นบรรยากาศด้านบนมีประสิทธิภาพสูงสุด และมีประสิทธิภาพในการเปิดชั้นอากาศมากกว่าการใช้น้ำและน้ำเย็น อันเป็นภารกิจที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้สนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษา และต่อยอด จากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขของราษฎร รวมถึงติดตามความก้าวหน้าการปรับปรุงภายในพิพิธภัณฑ์พระบิดาแห่งฝนหลวง ซึ่งดำเนินการไปแล้วร้อยละ 80 เพื่อให้พร้อมสำหรับเปิดเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการถาวร เพื่อเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่พระราชกรณียกิจด้านฝนหลวง ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่สร้างประโยชน์อเนกอนันต์แก่ประเทศชาติให้เป็นที่ประจักษ์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี