วันนี้ (17 ธันวาคม พ.ศ. 2568) เวลา 10.00 น. เพจเฟซบุ๊ก NBT ได้มีการไลพ์จาก ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ถึงหลักการของศูนย์แถลงข่าวร่วมฯ ทั้ง 5 ข้อ ก่อนที่จะสรุปไทม์ไลน์สถานการณ์การสู้รบบริเวณชายแดนไทยไทย-กัมพูชา จนถึงตอนนี้

ปัจจุบันศูนย์แห่งนี้ได้มีการสื่อสารผ่าน ภาษาไทยอังกฤษ กัมพูชา จีน รัสเซีย ฝรั่งเศส อารบิก สเปน เยอรมัน ญี่ปุ่น เกาหลี อนาล็อก (ซึ่งเป็นภาษาที่ฟิลิปปินส์ใช้) และได้เพิ่มเติมภาษา   อินโดนีเซียมาเลเซีย เวียดนาม เมียนมาร์ สปป.ลาว ให้ครอบคลุมทุกภาษาที่ใช้ในอาเซียน เพื่อนําเสนอข้อเท็จจริงให้ประชาคมโลกและประชาชนในอาเซียนได้รับทราบข้อเท็จจริงต่างๆ พร้อมย้ำว่า ศูนย์แห่งนี้ยังมุ่งมั่นดําเนินการในลักษณะนี้เพื่อนําข้อมูลสู่ประชาชนอย่างถ่วงที

หลักการปฏิบัติงานของศูนย์ข้อมูลร่วมฯ (JIC)

1.ความชอบรรรม Legitimacy First

2.มนุษยธรรม Humanitarian Principle

3.โปร่งใสเท่าที่ปลอดภัย Transparency without Risk to Operations

4.สื่อสารทิศทางเดียวกัน One Voice, One Message

5.สร้างเชื่อมั่นและขวัญกำลังใจ การสื่อสารขวัญกำลังใจ

พลเรือตรีสุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ยังกล่าวอีกว่า จากช่วงตอนเย็นเมื่อวานจนถึงตอนนี้ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธหนักระดมยิงเข้ามาอย่างต่อเนื่องซึ่งรววมไปถึงการใช้ BM-21 ด้วย โดยเฉพาะในพื้นที่ จังหวัดตราด และเนิน 350 ที่ฝ่ายไทยพยามยามตอบโต้กลับไปจนมีทหารพลีชีพ 2 นาย

ไทม์ไลน์เดือดไทย-กัมพูชา

17.50 น. ฝ่ายไทยสามารถผลักดันฝ่ายกัมพูชาออกนอกพื้นที่ช่องอานม้าไปได้

18.30 น. ฝ่ายไทยประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวจังหวัดตราด

20.00 น. ฝ่ายกัมพูชาระดมยิงอาวุธหนักเข้ามาในพื้นที่จังหวัดตราด

21.02 น. ฝ่ายกัมพูชาระดมยิง BM-21และอาวุธหนักเข้าใส่พื้นที่เนิน 350 (พื้นที่ปราสาทตาควาย )อย่างต่อเนื่อง

6.30 น. ฝ่ายกัมพูชายังคงระดมยิงอาวุธหนักเข้ามาในพื้นที่เนิน 350 (พื้นที่ปราสาทตาควาย) บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน

6.17 น. กัมพูชาระดมเปิดฉากยิงอาวุธหนักเข้ามาในพื้นที่จังหวัดตราด ทำให้ฝ่ายไทยต้องตอบโต้กลับไป

ในเวลาต่อมา ดร. ภัทรพงษ์ แสงไกร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกมาพูดถึงการใช้กำลังป้องกันตนเองในระดับรัฐหรือระดับชาติ ซึ่งประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้สิทธิโดยชอบธรรมในการป้องตัวเอง ตามกฎบัตรข้อ 51 ของสหประชาชาติ เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน รวมไปถึงการคุ้มครองรักษาความปลอดภัยประชาชนคนไทย เคารพกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด ได้สัดส่วนกับภัยคุกคามที่เกิดขึ้น มุ่งหมายไปที่การจำกัดเป้าหมายที่เป็นอันตรายจากกัมพูชาเท่านั้น พยายามหลีกเลี่ยงความเสียหายไม่ให้สร้างผลกระทบต่อประชาชน สอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ

พันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงเพิ่มเติมถึงความยาก ในการสถาปนาพื้นที่ความมั่นคงปราสาทตาควาย ว่า ด้วยสภาพพื้นที่ การรบมีความยากลําบาก เนื่องจากมีพื้นที่สูง เนิน 350 ที่ทหารกัมพูชายึดเอาไว้ก่อนหน้านี้ และทำเป็นที่มั่นแข็งแรง การที่ทหารไทยจะยึดประสาทตาควายได้นั้น เนิน 350 เป็นจุดยุทธภูมิสําคัญ ตอนนี้ในบริเวณดังกล่าวสู้รบอย่างหนักเป็นพื้นที่ช่วงชิงอยู่ในระหว่างการปฏิบัติการ ส่งผลให้ทหารสละชีพ 2นาย ตามที่เป็นข่าว ส่วนการนำร่างทหารสละชีพ ออกจากพื้นที่ กองทัพภาคที่2 กําลังตรวจสอบ ต้องเรียนว่าด้วยความยากลําบาก สถานการณ์การรบในบริเวณนั้นยังไม่จบ กําลังเข้มข้น พร้อมปฏิเสธกรณีทหารไทยถูกจับกุมว่าไม่มีการได้รับรายงานเข้ามา

พันเอก ริชฌา ย้ําว่า การรบที่ยืดเยื้อ ยืนยันว่า ฝ่ายไทย ทำเพื่อการป้องกันตนเองบนพื้นฐานการโจมตีเข้ามา เราไม่ได้เป็นฝ่ายรุกเข้าไป เพราะฉะนั้นการรบยืดเยื้อหากกัมพูชายังมีการโจมตีเข้ามา ฝ่ายไทยต้องป้องกันตนเอง ซึ่งมีหลายรูปแบบ พื้นที่ที่เราต้องยึดคืน ซึ่งเป็นอธิปไตยของไทยเอง เพราะทําให้กัมพูชาได้เปรียบเข้ามาโจมตีไม่เพียงแต่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตครอบคลุมถึงประชาชน หากยังโจมตีเข้ามาเราก็ต้องป้องกันตัวเอง ส่วนขีปนาวุธที่ยึดได้ นํามาใช้ประโยชน์ของเราส่วนรายละเอียดเชื่อว่าเราต้องทําให้เป็นประโยชน์ที่สุด

พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ยังกล่าวเสิรมอีกว่า มีกระบวนการมีขั้นตอนการดําเนินการอยู่แล้ว ให้เจ้าหน้าที่ดําเนินการ เราอาจไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ได้ เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อประเทศอื่นที่เกี่ยวข้อง

ขอขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา