วันพฤหัสบดี ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ศาลอาญาคดีทุจริตฯภาค 5 สั่งจำคุกคนละ 1 ปี ผู้หมวด-จ่าครูฝึก สั่งลงโทษพลทหารเสียชีวิต ในค่ายที่เชียงรายอย่างโหดร้าย-ไร้มนุษยธรรม ศาลปรานีเหลือจำ 8 เดือนไม่รอลงอาญา ก่อนให้ประกันตัวคนละ 6 หมื่น ห้ามออกนอกประเทศ
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 5 เป็นโจทก์ น.ส.แก้วกัญญา แซ่ลี ภรรยาของผู้ตาย เป็นโจทก์ร่วมที่ 1 และนายสุวิทย์ เวียงบรรพต บิดาของผู้ตาย เป็นโจทก์ร่วมที่ 2 ยื่นฟ้อง นายทหารยศร้อยโท (ครูฝึก) เป็นจำเลยที่ 1 และทหารยศจ่าสิบโท (ผู้ช่วยครูฝึก) จำเลยที่ 2 ร่วมกันเป็นจำเลยความผิดต่อ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 มาตรา 6, 36 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
โดยพฤติการณ์แห่งคดีตามฟ้องสรุปว่า ขณะเกิดเหตุเดือนกรกฎาคม 2566 เวลากลางคืน ครูนายสิบตรวจพบทหารเกณฑ์หลายนายนำบุหรี่มาสูบในเรือนนอน ซึ่งผิดกฎระเบียบข้อห้ามสำหรับทหารกองประจำการ (ทหารเกณฑ์) จำเลยที่ 1 ซึ่งรู้เห็นและอนุญาตให้จำเลยที่ 2 สั่งลงโทษพลทหารทั้งหมวดซึ่งมีพลทหารกิตติธร ผู้ตายรวมอยู่ด้วย โดยให้ทำท่าออกกำลังกาย (ท่าพีที) ตั้งแต่เวลา 19.30 - 20.00 น.ซึ่งนานเกินสมควร และยังสั่งให้พลทหารหมวดฝึกทุกคนนอนนอกเรือนนอนทั้งคืนในสภาพผู้ตายเสื้อผ้าเปียกชื้น บางคนไม่มีเครื่องนอนปกคลุมร่างกายในสภาพอากาศที่ขณะนั้นหนาวเย็นกว่าปกติเพราะมีฝนตกช่วงกลางวัน อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบคำสั่งของกองทัพ เรื่องการลงทัณฑ์ทหารที่กระทำความผิด ปรับปรุงวินัย
และการออกกำลังกาย ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2566 เรื่องกำหนดเวลาที่ให้ผู้ฝึกทหารใหม่สามารถสั่งลงโทษด้วยการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ได้ครั้งละไม่เกิน 12 ท่า 12 นาที และต้องไม่มีการซ่อมวินัย และงดให้ออกกำลังกายอย่างน้อย 2 - 3 ชั่วโมง ก่อนเข้านอน ตั้งแต่ช่วงเวลา 18.00 - 21.00 น.โดยพลทหารผู้ตายเจ็บป่วยและถึงแก่ความตายด้วยสาเหตุติดเชื้อในกระแสเลือด เหตุเกิดที่ จ.เชียงราย ชั้นพิจารณา จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 พิเคราะห์แล้วมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ ฝ่ายโจทก์มีพยาน 4 ปาก และโจทก์ร่วมทั้งสอง เบิกความยืนยันและให้การข้อเท็จจริงถึงส่วนที่ตนรู้เห็นเกี่ยวกับพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองโดยละเอียด ไม่มีข้อพิรุธ
ส่วนคำเบิกความโจทก์ร่วมที่ 1 ที่ฟังจากคำบอกเล่าของผู้ตายเกี่ยวกับการลงโทษนั้น มีลักษณะเป็นการบอกกล่าวสารทุกข์สุขดิบให้คู่ชีวิตรับรู้ถึงความยากลำบากระหว่างการฝึก ไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยว่าจะใส่ร้ายจำเลยทั้งสอง และโจทก์กับโจทก์ร่วมยังมีพยานเอกสารเป็นกระดาษเขียนข่าวลงวันที่ 14 มิถุนายน 2566 ซึ่งเป็นระเบียบคำสั่งของกองทัพบกเรื่องการลงทัณฑ์ทหารที่กระทำความผิดฯ ได้กำหนดไม่ให้ใช้การลงโทษในลักษณะรวมการ และที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายแก่ร่างกาย ซึ่งคำให้การของจำเลยทั้งสองมีส่วนที่เจือสมกับพยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วม โดยก่อนเกิดเหตุผู้ตายยังมีสภาพร่างกายปกติ และอยู่ในค่ายตลอดเวลา แต่หลังจากถูกลงโทษเพียง 2 วัน ผู้ตายกลับเริ่มมีอาการเจ็บป่วย ติดเชื้อแบคทีเรียเป็นโรคไข้ดิน กระทั่งถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุ 9 วัน ดังนั้น การลงโทษและการเจ็บป่วยจึงมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน ซึ่งแพทย์ผู้รักษาผู้ตายได้เบิกความเกี่ยวกับอาการของโรคที่สัมพันธ์กับพฤติการณ์ของผู้ตายที่ถูกลงโทษ โดยพยานหลักฐานจำเลยทั้งสองนำสืบต่อสู้ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสอง ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดฐานร่วมกันกระทำ การที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตามฟ้อง
จึงพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง, 36 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 - 2 คนละ 1 ปี โดยทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คง จำคุกคนละ 8 เดือน ไม่รอลงอาญา
ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งสองระหว่างอุทธรณ์ โดยมีหลักประกันวงเงินคนละ 60,000 บาท ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี