รอง ผบ.ตร.มอบนโยบายตำรวจสายงานป้องกันปราบปราม

รอง ผบ.ตร.มอบนโยบายตำรวจสายงานป้องกันปราบปราม

วันพฤหัสบดี ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 21.19 น.

รอง ผบ.ตร.มอบนโยบายตำรวจสายงานป้องกันปราบปราม ชู 3 โครงการ ยกระดับมาตรฐานสถานีตำรวจ และดูแลความปลอดภัยประชาชนอย่างตรงจุด

วันนี้ (18 ธันวาคม 2568) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ดูแลรับผิดขอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม จึงได้ประชุมมอบนโยบายแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจในสายงานป้องกันปราบปราม เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีรองผู้บัญชาการ และรองผู้บังคับการ ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 ที่รับผิดชอบงานปราบปรามทุกนาย เข้าร่วมประชุม ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ


พล.ต.อ.ธัชชัยฯ เปิดเผยว่า สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ.2569 นี้ จะมี 3 โครงการหลัก ที่จะดำเนินการให้บรรลุผลเพื่อประสิทธิภาพในการดูแลความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชนอย่างตรงจุด ได้แก่

1. โครงการเมืองไทยปลอดภัย : เน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชน ให้มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อให้สังคมปลอดภัย และลดอาชญากรรม และจะเน้นการใช้เทคโนโลยีในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม นำร่องที่ตำรวจภูธรภาค 6 ซึ่งสามารถตรวจสอบ ยับยั้งบุคคลเฝ้าระวัง ไม่ให้ไปก่อพฤติกรรมเชิงลบต่อสังคม หรือพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย และจะขยายไปพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป

2. โครงการตำรวจเกษียณจิตอาสา : เน้นสร้างตำรวจชุมชน จากเดิมมีภาคประชาชนในแต่ละสถานีตำรวจร่วมเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้าน รวมจำนวนกว่า 74,000 คน ทั่วประเทศ จากนี้จะเน้นให้ตำรวจที่เกษียณอายุราชการที่อยู่ในชุมชนนั้น ๆ มาเป็นตำรวจชุมชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการดูแลความปลอดภัยในแต่ละชุมชนมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ทั้งสองโครงการดังกล่าวจะเร่งดำเนินการ เนื่องจากการศึกษาข้อมูล สถิติต่างๆ พบว่าการดูแลความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชนอย่างตรงจุด ต้องเน้นการทำงานกับชุมชนอย่างใกล้ชิด โดยทำงานร่วมภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชน เน้นแนวทาง “ชุมชนนำ ตำรวจสนับสนุน” โดยให้ตำรวจชุมชน สำรวจความต้องการในการแก้ไขปัญหาของชุมชนนั้นๆ จากนั้นให้องค์ความรู้กับชุมชน เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนดูแลชุมชนของตนเองได้ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้สนับสนุนในด้านการดูแล อำนวยความสะดวก การบังคับใช้กฎหมาย กำชับให้หัวหน้าสถานีต้องกำกับดูแลและเป็นเสมือนหัวหน้าตำรวจอาสาในพื้นที่ เพื่อการทำงานที่เข้าถึงประชาชน เน้นย้ำว่า ตำรวจสายงานป้องกันปราบปรามต้องปฏิบัติหน้าที่ตรงตามความต้องการของประชาชน และแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดซ้ำอีก เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยโดยแท้จริง

3. โครงการยกระดับมาตรฐานสถานีตำรวจ : เพื่อยกระดับมาตรฐานสถานีตำรวจ และยกระดับมาตรฐานการควบคุมตัวผู้ต้องหาให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนและมาตรฐานสากล ซึ่งได้นำร่องแล้วที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน สำหรับโครงการนี้ได้รับการริเริ่มโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.โดยได้รับความร่วมมือและเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการจากกองบัญชาการตำรวจนอร์ธัมมเบรีย ประเทศสหราชอาณาจักร มีเป้าหมายเพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ทั้งผู้ต้องหา ประชาชนทั่วไป และเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่

ในการประชุมมอบนโยบายข้าราชการตำรวจในสายงานป้องกันปราบปราม ได้รับเกียรติจากผู้บัญชาการตำรวจเมืองนอร์ธัมเบรีย วาเนสซา จาร์ดิน มาร่วมบรรยายถึงแนวทางการบริหารจัดการด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยยกตัวอย่างการทำงานที่สัมฤทธิ์ผลของตำรวจเมืองนอร์ธัมเบรีย รวมทั้งการบริหารจัดการเพื่อยกระดับสถานีตำรวจ และการยกระดับมาตรฐานการควบคุมตัวผู้ต้องหา

ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (19 ธันวาคม 2568) พล.ต.อ.ธัชชัยฯ จะเดินทางไปดูความคืบหน้าและความสำเร็จของการยกระดับมาตรฐานการควบคุมตัวผู้ต้องหา ทั้งด้านระบบและสถานที่ ณ สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน ซึ่งเป็นสถานีตำรวจนำร่อง เพื่อจะนำไปเป็นต้นแบบขยายไปสู่สถานีตำรวจอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top