วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ทุกข์ซ้ำ!ผู้อพยพในบุรีรัมย์เครียดหนัก รายได้ไม่มี โดนไฟแนนซ์โทร.ทวงค่างวดรถ
19 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การสู้รบชายแดนทหารไทย-กัมพูชา ที่ยังยืดเยื้อทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดนที่อพยพเข้ามาอยู่ในศูนย์พักพิงแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีผู้อพยพลี้ภัยหลายพันคน เริ่มมีความเครียด เนื่องจากไม่สามารถกลับไปประกอบอาชีพทำมาหากินได้ ทำให้ขาดรายได้มาเกือบ 2 สัปดาห์
หลายคนถูกเจ้าหนี้และไฟแนนซ์โทรศัพท์ทวงค่างวดรถยนต์ รถจักรยานยนต์ (จยย.) ทั้งที่อยู่ในศูนย์พักพิง ยังไม่สามารถออกไปทำมาหากินได้ จึงเกิดความเครียดเพราะไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปจ่ายค่างวดรถ เพราะไม่ได้ทำมาหากินมากว่า 10 วันแล้ว ส่วนเงินที่มีก็ใช้จ่ายในช่วงอพยพเกือบหมดแล้ว
ขณะที่ ชรบ.บางคนซึ่งเป็นแนวหลังทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย บ้านเรือน ทรัพย์สิน และสัตว์เลี้ยง ให้กับผู้อพยพอยู่ในพื้นที่สีแดง ก็ถูกโทร.ทวงค่างวดรถเช่นกัน ต้องหาหยิบเงินจากญาติคนรู้จักเพื่อนำไปจ่ายก่อน เพราะกลัวจะถูกยึดรถซึ่งเป็นยานพาหนะที่ไว้ใช้ประกอบอาชีพ หากเป็นไปได้ก็อยากให้ทางไฟแนนซ์หรือเจ้าหนี้ ช่วยผ่อนผันหรือขยายเวลาชำระหนี้ เพื่อลดผลกระทบให้กับชาวบ้านชายแดนด้วย เพราะไม่รู้ว่าการสู้รบจะจบเมื่อไหร่แล้วจะได้กลับไปทำมาหากินเป็นปกติวันไหน
น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี ชาว อ.บ้านกรวด กล่าวว่า มีพนักงานไฟแนนซ์โทรศัพท์มาทวงถามค่างวดรถยนต์กับตนเอง ซึ่งตนแจ้งไปว่ายังลี้ภัยสงครามอยู่ในศูนย์พักพิง ไม่ได้กรีดยางมาเกือบ 2 สัปดาห์แล้วยังไม่สะดวกที่จะชำระ แต่เขาไม่ได้บอกว่าจะผ่อนผันให้หรือไม่ จากนั้นเขาก็โทร.ไปทวงกับสามีตนเองซึ่งเป็น ชรบ. ดูแลความเรียบร้อยอยู่ในพื้นที่สีแดง ทำให้สามีเกิดความกังวล จึงต้องหาหยิบยืมเงินจากญาติพี่น้อง เพื่อนำไปจ่ายค่างวดรถเดือนละ 7,600 กว่าบาท เพราะหากไม่จ่ายก็กลัวจะถูกยึดรถ
น.ส.เอ ยอมรับว่าเดือดร้อนมากเพราะไม่ได้กรีดยางตั้งแต่มีการสู้รบก็ขาดรายได้ แต่หากได้กรีดยางก็จะมีเงินไปจ่ายงวดรถไม่ต้องหยิบยืมคนอื่น อยากให้สถานการณ์จบลงโดยเร็ว จะได้กลับไปทำมาหากินเป็นปกติ มีเงินใช้จ่ายในครอบครัว และชำระหนี้ ทั้งนี้ก็อยากรัฐบาลช่วยเหลือเยียวยาผลกระทบด้วย
ด้าน น.ส.บี (นามสมมุติ) ชาว อ.บ้านกรวด กล่าวว่า ตนมีอาชีพทำสวนยางพารา ส่วนสามีรับจ้างทั่วไป แต่หลังจากที่มีการสู้รบก็ไม่ได้กรีดยาง และสามีก็ไม่ได้ออกไปรับจ้างเลย รายได้ไม่มีเลย เงินที่พอมีเก็บบ้างก็นำมาใช้จ่ายช่วงอพยพเกือบหมดแล้ว เพราะมีภาระลูกน้อย 3 คน อายุ 4 ขวบ 7 ขวบ และ 8 ขวบ และวันที่ 25 ของทุกเดือนก็ต้องจ่ายค่างวดรถ ยังไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปจ่ายเพราะไม่มีรายได้เข้าเลย หากเป็นไปได้ก็อยากให้ทางไฟแนนซ์ผ่อนผันหรือขยายการชำระหนี้ออกไปหน่อย เพราะยังไม่รู้ว่าการสู้รบจะจบเมื่อไหร่และจะได้กลับไปทำมาหากินวันไหน
ขณะที่ นางซี (นามสมมุติ) ชาว อ.บ้านกรวด ซึ่งเป็นลูกจ้างร้านเสริมสวย กล่าวว่า ช่วงที่อพยพมาอยู่ศูนย์พักพิงก็ไม่มีรายได้เลย จึงขออนุญาตเจ้าของร้านนำอุปกรณ์ และสีที่ใช้ในการทำเล็บเจล มาให้บริการทำเล็บให้กับชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ในศูนย์พักพิง พอให้มีรายได้บ้าง เพื่อจะได้มีเงินไปจ่ายค่าเช่าบ้าน เดือนละ 3,000 บาท รวมทั้งซื้ออุปกรณ์การเรียนให้กับลูกตอนที่อพยพกลับบ้านด้วย ซึ่งการนำอุปกรณ์มาทำเล็บในศูนย์พักพิงนอกจากจะมีรายได้ไว้จ่ายค่าเช่าบ้านแล้ว ยังเป็นผ่อนคลายความเครียดให้กับตนเอง และคนในศูนย์ฯ ด้วย เพราะอยู่ในศูนย์มาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว ก็อยากวอนให้รัฐบาลช่วยเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบให้เหมาะสมกับสภาพความเดือดร้อนจริงด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี