วันอาทิตย์ ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การที่ประเทศไทยกำลังเตรียมตัวเข้าเป็นสมาชิกของ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) มีความสำคัญ อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยในระยะต่อไป โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ได้พบกับรองเลขาธิการ OECD เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นของไทยในการเข้าเป็นสมาชิก OECD โดยการเข้าเป็นสมาชิกจะช่วยทำให้ไทยมีมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับ เปิดโอกาสทางเศรษฐกิจและเปิดตลาดใหม่ให้กับประเทศ รวมทั้งจะช่วยส่งเสริมธรรมาภิบาลที่ดี
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ หน่วยงานรัฐหลายหน่วยงานดำเนินงานกันมาแล้วเป็นปี เพื่อเตรียมพร้อมให้ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกขององค์กรนี้ให้สำเร็จ การเป็นสมาชิก OECD จะช่วยยกระดับมาตรฐานของประเทศไทยในหลายๆ ด้าน ให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ OECD เช่น การยกระดับและปฏิรูปกฎระเบียบให้ได้เทียบเท่ามาตรฐานสากล การเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงประเทศสมาชิก หรือการได้รับความช่วยเหลือด้านวิชาการ ดังนั้น จึงถึงเป็นโอกาสดีที่จะมีการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีด้านต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ OECD ประเทศไทย
หนึ่งด้านที่สำคัญคือการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการสินค้าที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ปัจจัยหลักในการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในยุคปัจจุบัน โดยในปีงบประมาณ 2568 กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้รวมเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1.4 หมื่นล้านบาท แต่ก็ยังต่ำกว่าเป้าถึงกว่า 7.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากพิจารณารายได้ภาษีสรรพสามิตในสินค้าหลักแล้วพบว่า มีสินค้าที่เก็บได้น้อยกว่าปีงบฯ ก่อนหน้า 2 สินค้า คือ ภาษีรถยนต์และภาษียาสูบ การเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ OECD จึงน่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการทบทวนนโยบายภาษีสรรพสามิตให้มีความสอดคล้องกับหลักสากลของ OECD ยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น โครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบเป็นที่ทราบกันดีว่ามีการเปลี่ยนมาใช้โครงสร้างการจัดเก็บแบบ 2 อัตรา เพื่อช่วยเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ผลิตในประเทศของรัฐบาลซึ่งขายสินค้าราคาถูก ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง เพราะผู้นำเข้าต่างก็พยายามลดราคาสินค้าของตัวเองลงมา เพื่อให้สามารถแข่งขันได้และไม่ถูกเอาเปรียบทางการค้า จนบั่นทอนประสิทธิภาพของการจัดเก็บภาษีบุหรี่ลง ส่งผลทำให้รายได้ภาษีสรรพสามิตยาสูบลดลงต่อเนื่องตั้งแต่มีการปรับโครงสร้างภาษีตามมูลค่าเป็นแบบ 2 อัตรา ในปีพ.ศ. 2560 เป็นต้นมา
มีการเปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างนำเสนอการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ให้เป็นอัตราเดียว เพื่อช่วยลดการบิดเบือนของกลไกราคาในตลาด และพยุงรายได้ภาษีสรรพสามิตยาสูบไม่ให้ลดลงไปมากกว่านี้ แนวทางนี้น่าจะช่วยลดความซับซ้อนของโครงสร้างภาษีและส่งเสริมความเป็นธรรมในการทำธุรกิจยิ่งขึ้น เพราะจะช่วยลดความแตกต่างของอัตราภาษีในสินค้าประเภทเดียวกันลง ซึ่งจะมีความสอดคล้องต่อมาตรฐานของ OECD มากขึ้นตามมา
ประเทศที่เป็นสมาชิก OECD ไม่มีการใช้โครงสร้างภาษีบุหรี่หลายอัตราเพื่อปกป้องผู้ประกอบการในประเทศ เพราะหลักเกณฑ์และกฎระเบียบต้องมีความเป็นธรรมและโปร่งใส รวมทั้งมีความเป็นมาตรฐานสากล โดยในรายงาน Tobacco Taxation in Latin America and the Caribbean (2024) ของ OECD ได้พบว่าประเทศในแถบลาติน อเมริกาและแคริบเบียนกว่า 17 ประเทศ มีเพียงประเทศโบลิเวียประเทศเดียวที่ยังใช้โครงสร้างภาษีบุหรี่แบบหลายอัตราอยู่ โดยประเทศบราซิล โคลัมเบีย เอกวาดอร์ เม็กซิโก และเปรู ได้มีการยกเลิกโครงสร้างภาษีหลายอัตราและเปลี่ยนมาใช้โครงสร้างภาษีอัตราเดียวในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีความสอดคล้องกับกรอบการประเมินนโยบายภาษีบุหรี่ที่ OECD ใช้ในรายงานฉบับนี้ซึ่งแนะนำให้ใช้โครงสร้างภาษีแบบอัตราเดียวกับสินค้ายาสูบ (Uniform tax for tobacco products)
รัฐบาลไทยจะสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ให้มีความเป็นสากลยิ่งขึ้นตามแนวทางที่อยู่ระหว่างการนำเสนอของกรมสรรพสามิตต่อคณะรัฐมนตรีได้จริงหรือไม่ ยังต้องจับตามอง เพราะได้มีการมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้กระทรวงการคลังมาศึกษาแนวทางการเปลี่ยนผ่านไปสู่โครงสร้างภาษีอัตราเดียวหลายครั้งแล้ว แม้จะมีการศึกษาหลายครั้งจากหน่วยงานอิสระที่ได้ ข้อสรุปตรงกันว่าภาษีอัตราเดียวดีที่สุด แต่ก็ยังไม่มีความเด็ดขาดจากรัฐบาลที่จะกล้าตัดสินใจเปลี่ยน จนการยุบสภาวนมาอีกครั้ง
คงต้องรอดูว่ารัฐบาลจะกล้าตัดสินใจและแสดงความมุ่งมั่นในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก OECD ผ่านการสร้างความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ นี้ในเวลาที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดหรือไม่ ซึ่งจะสะท้อนความฝันภาพใหญ่ที่จะเปลี่ยนโครงสร้างกฎระเบียบของทั้งประเทศเพื่อเข้าร่วม OECD ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี