วันจันทร์ ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2568
15 ปีคดีบอส อยู่วิทยา! ความจริงเรื่อง ‘ความเร็วรถ’ ที่พลิกทั้งคดี และคำถามใหม่ที่สังคมต้องรับฟัง
คดีบอส อยู่วิทยา ซึ่งถูกจับตายาวนานกว่าสิบปี กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้งเมื่อศาลอาญาทุจริตฯ เปิดรายละเอียดเชิงลึกที่มีผลต่อแก่นคดีโดยตรง นั่นคือ “ความเร็วของรถยนต์ขณะเกิดเหตุ” ซึ่งเป็นปัจจัยชี้ขาดของการวินิจฉัยทั้งหมด
จากคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อ 22 เม.ย. 2568 ระบุชัดว่า ณ ขณะเกิดเหตุ มีตัวเลขความเร็วเพียง 2 ชุดเท่านั้น ชุดแรก คือความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. จากผู้เชี่ยวชาญจราจรกลาง ผู้เชี่ยวชาญของศาล และ ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ขณะที่อีกชุดหนึ่งคือความเร็ว 177 กม./ชม. จากการคำนวณของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น ซึ่งขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิงจนต้องมีการตรวจสอบใหม่ทั้งหมด และท้ายที่สุดศาลวินิจฉัยว่าค่าความเร็วที่น่าเชื่อถือจริงอยู่ในช่วง 76–80 กม./ชม. เท่านั้น
จุดเริ่มต้นของความไม่สอดคล้อง: ตัวเลขสองชุดที่ให้ภาพต่างกันโดยสิ้นเชิง
ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ราย คือ ผู้เชี่ยวชาญจราจรกลาง ผู้เชี่ยวชาญของศาล และ ดร.สายประสิทธิ์ สะท้อนตรงกันว่ารถ Ferrari วิ่งด้วยความเร็ว ไม่เกิน 80 กม./ชม. แต่การคำนวณของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น กลับให้ตัวเลขสูงถึง 177 กม./ชม. ศาลมองว่าความต่างระดับนี้ “มีนัยสำคัญต่อความน่าเชื่อถือของสำนวน” และไม่อาจใช้เป็นข้อเท็จจริงได้โดยลำพัง
ผลการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ: ค่า 76 กม./ชม. ที่สอดคล้องทุกชุดข้อมูล
เพื่อตรวจสอบข้อขัดแย้งดังกล่าว จึงได้มีการเชิญ ศ.เฮอร์มันน์ สเตฟาน ผู้เชี่ยวชาญด้านการจำลองอุบัติเหตุระดับนานาชาติ เข้ามาทดสอบผ่านหลายวิธี ทั้งการคำนวณจากภาพวงจรปิด การจำลองด้วยซอฟท์แวร์ทดสอบความเร็วเสมือนจริง และการชนจริงด้วยรถรุ่นเดียวกัน ผลการพิสูจน์ชี้ชัดว่าความเร็วอยู่ที่ ประมาณ 76 กม./ชม. และผลดังกล่าวสอดคล้องกับผู้เชี่ยวชาญไทยทั้งสามรายอย่างครบถ้วน
เมื่อเปรียบเทียบพยานหลักฐานทั้งหมด ศาลจึงวินิจฉัยว่าตัวเลข 177 กม./ชม. มีความน่าเชื่อถือน้อยที่สุด ขณะที่ช่วง 76–80 กม./ชม. เป็นข้อมูลที่ตรวจสอบได้และสะท้อนเหตุการณ์จริงมากที่สุด
ทั้งนี้ ศาลมีคำวินิจฉัยว่า วิธีการคำนวณของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น มีความคลาดเคลื่อนสูง ไม่มีการทวนสอบทางวิทยาศาสตร์ไม่สอดคล้องกับพยานผู้เชี่ยวชาญรายอื่น เพราะคำนวณจากกล้องวงจรปิดเป็นหลัก เนื่องจากไม่เคยมีประสบการณ์พิสูจน์คดีอุบัติเหตุด้านฟิสิกส์ความเร็วมาก่อน ประกอบกับ จนท.คนดังกล่าวมีการกลับความเห็นหลายครั้งอันอยู่บนรากฐานของความไม่เชี่ยวชาญและไม่เชื่อมั่น
เมื่อข้อเท็จจริงหลักเปลี่ยน ทิศทางการพิจารณาความประมาทและพฤติการณ์การขับรถย่อมเปลี่ยนไปทันที เพราะความเร็วเป็นองค์ประกอบสำคัญของคดีนี้
บทเรียนสำคัญต่อสังคม: ความจริงต้องตั้งอยู่บนมาตรฐานที่ตรวจสอบได้
มหากาพย์คดีนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า ระบบพิสูจน์หลักฐานของไทยยังต้องพัฒนาให้มีมาตรฐานที่สม่ำเสมอและตรวจสอบซ้ำได้อย่างเป็นระบบ การที่ตัวเลขพื้นฐานอย่างความเร็วรถให้ผลต่างกันอย่างมาก สะท้อนว่าระบบยังมีช่องว่างที่ต้องเร่งพัฒนา
สรุป คือ ข้อเท็จจริงที่ศาลเพิ่งเปิดเผย คือ ความเร็วจริงไม่ได้อยู่ที่ 177 กม./ชม. แต่อยู่ที่ 70–80 กม./ชม. และสิ่งที่คดีนี้สะท้อนคือ เมื่อข้อมูลสำคัญถูกเปลี่ยนได้จากเจ้าหน้าที่เพียงหนึ่งคน คดีก็สามารถ “พลิก” ทั้งภาพ และความเข้าใจของสังคมได้ทันที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี