จับโดรน2,500ลำ บินวนเวียนรอบสุวรรณภูมิ หวั่นภัยคุกคามรูปแบบใหม่

จับโดรน2,500ลำ บินวนเวียนรอบสุวรรณภูมิ หวั่นภัยคุกคามรูปแบบใหม่

วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

จับโดรน2,500ลำ

บินวนเวียนรอบสุวรรณภูมิ

หวั่นภัยคุกคามรูปแบบใหม่

 

กสทช. ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง ตรวจยึดฝูงโดรนต้องสงสัยกว่า 2,500 ลำ หลังพบเบาะแสบินรอบสุวรรณภูมิ หวั่นเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ตำรวจรวบ 4 ชาวเมียนมา บังคับโดรนบินป่วนสนามบินสุวรรณภูมิ เบื้องต้น รับสารภาพถูกว่าจ้างให้มารับของเพื่อนำส่งให้หัวหน้าที่ประเทศเมียนมา ตำรวจเร่งสอบสวนขยายผล


เมื่อเวลา 11.15น.วันที่ 23 ธันวาคม 2568 กองทัพภาคที่ 2 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “ข่าวด่วน! กสทช. บูรณาการหน่วยงานความมั่นคง เข้าตรวจยึดสกัดฝูงโดรนกว่า 2,500 ลำ”

สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. พบโดรนต้อนสงสัยขึ้นบินใกล้สุวรรณภูมิ มีลักษณะคล้าย “โมเดลยูเครนโจมตีฐานทัพรัฐเซีย” จึงได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงโดยร่วมกันประเมินความเสี่ยงอาจถูกลำเลียงซุกซ่อนเข้ามาทางบก ก่อนนำขึ้นบินภายในประเทศ และอาจเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ จึงจำเป็นต้องดำเนินการสะกัดตั้งแต่ต้นทาง

ล่าสุดหน่วยงานความมั่นคง ดำเนินการตรวจยึดโดรนต้องสงสัยกว่า 2,500 ลำ และอยู่ระหว่างตรวจสอบ รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบต่อไป

วันเดียวกันพล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.3พ.ต.อ.กฤษ ก้อมน้อย ผกก.สส.บกน.3พ.ต.อ.สมคิด ประเชิญสุข ผกก.สน.ลาดกระบัง นำกำลังเข้าตรวจค้นห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตลาดกระบัง กทม.ภายหลังสืบทราบว่า เป็นแหล่งบังคับโดรน ที่สร้างความแตกตื่นกันทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงคืนวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยพบผู้ต้องสงสัย คือ นายอ่อง อายุ 32 ปี นายซาเน อายุ 24 ปี นายคยอซิน อายุ 21 ปี และนายเทียนซอ อายุ 34 ปี ทั้งหมดสัญชาติเมียนมา พร้อมของกลาง โดรน DJI 10 ลำ จากการตรวจสอบพบว่าทั้งหมด เข้ามาพักเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีนายเดวิด (ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล) เป็นคนเปิดจองห้องพักผ่านช่องทางออนไลน์

สอบสวนทั้งหมด ให้การว่า ได้รับการติดต่อจากหัวหน้า ซึ่งเป็นบุคคลสัญชาติเมียนมา ให้มารอรับโดรน ในประเทศไทย เพื่อนำออกไปยังประเทศเมียนมา จึงมารอรับจากรถขนส่งบริษัทเอกชน ที่โรงแรม ส่วนวิธีการนำโดรน ออกไปยังประเทศเมียนมา ต้องแยกชิ้นส่วนออกเป็นกล่องๆ ยังไม่ได้ประกอบเป็นตัวเครื่อง สามารถนำออกทางเครื่องบินโดยสารได้ตามปกติ โดยจะแบ่งหน้าที่กันนำออกไปคนละ 2-3 กล่อง เมื่อไปถึงยังประเทศเมียนมา จะนำส่งให้กับหัวหน้า ที่เปิดบริษัท เพื่อขายต่อให้กับกองทัพประเทศเมียนมา

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดโดรนทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สน.ลาดกระบัง รับไว้ตรวจสอบ โดยรอนายรัชพล (สงวนนามสกุล) กลับมาจากประเทศโอมาน เพื่อนำหลักฐานมาแสดงต่อพนักงานสอบสวน และดำเนินการเพิกถอนวีซ่าชาวเมียนมา ทั้ง 4 คน เสนอไปยัง ผบก.ตม.1 และควบคุมตัวไว้ที่ห้องกัก เพื่อทำการสืบสวนขยายผลต่อไป

ด้านนายรัชพล ปัจจุบันอยู่ประเทศโอมาน แจ้งว่าได้รับการติดต่อจากเพื่อนชื่อนายเควินโช ชาวเมียนมา ซึ่งรู้จักเพราะเคยทำงานร่วมกัน โดยนายเควินโช ติดต่อให้ช่วยซื้อโดรนจากบริษัทในประเทศไทย เนื่องจากมีสินค้าที่ต้องการและราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป จึงติดต่อซื้อโดรนจากบริษัทที่ขายโดรน

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่บริษัท ได้ความว่านายรัชพล เคยติดต่อซื้อโดรนไปก่อนหน้านี้ประมาณ 2-3 ครั้ง ในครั้งละประมาณ 3–4 ลำ กระทั่งได้ติดต่อซื้อโดรน DJI FLYCart 30 จำนวน 10 ลำ ราคาลำละประมาณ 5 แสนบาท รวมภาษีแล้วเป็นเงิน 7.5 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม นายรัชพล ได้โอนเงินชำระค่าโดรนเป็นที่เรียบร้อยผ่านทางบัญชีของบริษัท และมีกำหนดการส่งมอบให้เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่เนื่องจากวันดังกล่าวนายรัชพล ไม่สะดวก จึงนำมาส่งมอบในวันที่ 21 ธันวาคม ต่อมาบริษัทได้รับการติดต่อจากนายรัชพล ให้นำโดรนมาส่งมอบให้ที่โรงแรม จึงว่าจ้างรถขนส่งนำโดรนมาส่งมอบให้

สำหรับนายรัชพล เป็นบุคคลที่เชี่ยวชาญเรื่องโดรน และมีส่วนร่วมกับทีม Anti Droneของบริษัท ที่เคยถูก กสทช.เข้าค้นและตรวจยึดโดรนหลายลำ ที่ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top