วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
รอบรั้วเมืองใต้ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น...การสู้รบ ระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพกัมพูชาถ้ายังยืดเยื้อ ออกไปนานเท่าไหร่ ยิ่งไม่เป็นผลดี ต่อประเทศชาติ ทั้งในด้านความมั่นคง ด้านงบประมาณ ความสูญเสีย ของทหารหาญ ที่บาดเจ็บล้มตาย รวมทั้งประชาชนในแนวชายแดน ที่ต้องอพยพ ต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ ซึ่งเป็นเรื่องสาหัสสากรรจ์ สำหรับประชาชน นี่คือสิ่งที่ รัฐบาล และกองทัพ ต้องตระหนัก และให้ความสำคัญ ..... ถ้าไม่มีการเจรจา โดยประเทศที่เป็นกลาง เพื่อให้มาทางออก ในการยุติการสู้รบ กองทัพ ก็ต้องมียุทธการ ในการเผด็จศึก เพื่อให้กองทัพของกัมพูชา ต้องหมดสภาพ และต้องไม่เป็นภัยคุกคาม ต่ออธิปไตย และบูรณาภาพแห่งดินแดน โดยเฉพาะความปลอดภัย ของประชาชน.....แต่ถ้าดูสภาพของข้อเท็จจริง การที่จะใช้ยุทธวิธี ในการทำให้ กองทัพกัมพูชา หมดสภาพ ในการเป็นภัยคุกคาม กับประเทศไทย ก็น่าจะยาก เพราะการโจมตี ของกองทัพไทย ยังอยู่ในพื้นที่แนวชายแดน ไม่สามารถบุก เข้าไปยึดพื้นที่สำคัญเพื่อบีบ ให้กัมพูชา ยอมจำนน รวมทั้งหน่วยข่าวกรอง ของไทย ก็ยังประเมิน สถานการณ์ ของกัมพูชา ไม่ได้ทั้งในเรื่องกระสุนปืน เรื่องยุทธโธปกรณ์ และกำลังรบ ดังนั้นการที่จะทำการสู้รบ จนกว่ากองทัพกัมพูชา จะหมดสภาพ ในการคุกคาม พื้นที่ชายแดน ใน 7 จังหวัดอาจจะเป็นเรื่องที่พูดได้ แต่ทำยาก.....แต่ก็ เชื่อว่า การสู้รบ ระหว่างกองทัพไทยกับกัมพูชา ต้องได้ข้อยุติ ในการหยุดยิง และเดินเข้าสู่การเจรจากันอีกครั้ง โดยตัวแทน ของประเทศมหาอำนาจ ทั้งจีน และสหรัฐอเมริกา เราคงจะไม่เป็นเหมือน รัฐเซีย-ยูเครน อย่าง แน่นอน และสุดท้าย เราคงจะทำตามใจตนเองไม่ได้ เพราะยังมีแรงบีบ จากประเทศมหาอำนาจ ให้ต้องยอม แต่จะยอม อย่างไร ที่จะต้องมีเกียรติ และมีศักดิ์ศรี เพราะ ประเทศไทย ไม่ได้เป็นผู้รุกราน ซึ่งก็ต้องติดตามดูว่า กัมพูชา จะเชื่อใคร ระหว่าง จีนและสหรัฐอเมริกา.....แต่ อย่างไรเสีย แม้จะมีการหยุดยิง และมีการกลับสู่โหมดการเจรจา แต่ความสงบสุข ในแนวชายแดนด้านตะวันตก ยังไม่จบสิ้น ด้วยสันดาน ของกัมพูชา จะต้องทำสงครามกองโจรต่อ กำลังของทหารไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่กองทัพภาคที่ 1 และ ที่ 2 ต้องมีความพร้อมในการรับมือ เพราะการทำสงครามกองโจร ฝ่ายทหารของกัมพูชา จะมีความช่ำชอง มากกว่า ทหารไทย ปัญหาระหว่างไทย- กัมพูชา จะจบลงได้จริง และหยุดการสู้รบได้จริงต่อเมื่อการปักปันเขตแดน สามารถทำได้สำเร็จ หากปัญหาของเขตแดน ยังคาราคาซัง อยู่อย่างนี้ การสู้รบ ระหว่างไทย-กัมพูชา ก็ยังจะปะทุ ขึ้นเป็น ระยะๆ.....ที่ สำคัญในเรื่องของการเมือง ถ้าการสู้รบจบเร็ว โดยฝ่ายกองทัพไทย เป็นฝ่ายมีชัย กองทัพก็จะเป็นฮี่โร่ และรัฐบาล ก็จะได้คะแนนนิยม แต่ในทางกลับกัน ถ้าการสู้รบ ยืดเยื้อ ออกไป ทั้งกองทัพ และรัฐบาล ก็จะถูกตั้งคำถาม ถึงศักยภาพ ของกองทัพ และประชาชน ที่ถูกอพยพ ก็จะหมดความอดทน คะแนนนิยม ที่มีต่อรัฐบาล ก็จะหมดหายไปด้วย ซึ่งจะกลายเป็นผลกระทบ ทั้งกองทัพ และรัฐบาล ที่รัฐบาลรักษาการ และกำลังเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง พึงสังวร เพราะจะไม่เป็นผลดี ต่อพรรคภูมิใจไทย ที่เป็นพรรครัฐบาล......แต่ไม่ว่าอย่างไร ณ วันนี้พรรคภูมิใจไทย ก็ยังเป็นพรรคเนื้อหอม ที่อดีต สส. จากหลายพรรคหลั่งไหล เข้าสังกัด เพราะมั่นใจ ในอนาคต ว่าหวยต้องออกที่พรรคภูมิใจไทย ในการเป็นแกนนำ เพื่อจัดตั้งรัฐบาล สำหรับภูมิใจไทย วันนี้ก็ไม่แตกต่าง กับไทยรักไทย ในยุคที่ทักษิณ ชินวัตร อยู่ในยุครุ่งเรือง ดังนั้นปรากฏการในการกวาดต้อนบ้านใหญ่ เข้าสังกัด ณ ขณะนี้ จึงเป็นเรื่องการเมืองในยุคเก่า ที่ยังใช้ได้ สำหรับการเมืองไทย.....และหลังการเลือกตั้ง ก็จะได้เห็นมุ้ง จำนวนมาก ในพรรคภูมิใจไทย เพื่อการต่อรอง ตำแหน่ง เพราะ เป็นธรรมชาติ ของการเมืองไทย ที่ยังอยู่ในวังวนเก่าๆ ที่ยังใช้ได้ สำหรับการเมือง แบบไทยๆ ที่ทำให้ครม.ที่เป็นรัฐบาลได้เสนาบดี ที่ไม่มีคุณภาพ การบริหารราชการแผ่นดิน จึงอีลุ่ยฉุยแฉก ที่ล้าหลังไม่พัฒนา และเกิดคอร์รัปชั่น ตามมาอย่างมโหราฬ ในทุกกระทรวง ทบวง กรม และเป็นรากเหง้าในการตกต่ำ ที่แท้จริง ของประเทศ ปัญหานี้ทุกรัฐบาล รู้ แต่ไม่เคยมีรัฐบาลไหน ที่จะแก้ไขอย่างจริงจัง เชื่อเถอะ หลังการเลือกตั้ง และมีการจัดตั้งรัฐบาล ปัญหาเหล่านี้ก็จะนอนนิ่งในลิ้นชัก ของแต่ละกระทรวง.....
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี